xs
xsm
sm
md
lg

นอภ.กะทู้สนธิกำลังป่าไม้จับกุมนายทุนรุกป่าเขากมลาสร้างบ้านพักตากอากาศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นายอำเภอกะทู้ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ภูเก็ต จับกุมผู้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา ซอยช้างทางเข้าน้ำตกกะทู้ ก่อสร้างเป็นศาลาชมวิว และบ้านพัก พร้อมแผ้วถางป่าเตรียมออกเอกสารสิทธิ 13 ไร่เศษ เบื้องต้นแจ้งความดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป่าไม้

เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (18 พ.ค.) นายวีระ เกิดสิริมงคล นายอำเภอกะทู้ พร้อมด้วย นายราเชน สงแดง ปลัดอำเภอกะทู้ นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก.2 (ภูเก็ต) เข้าตรวจสอบการก่อสร้างบ้านพักเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยว บริเวณซอยช้าง ทางเข้าน้ำตกกะทู้ ม.6 ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต หลังได้รับแจ้งจากคนในพื้นที่ว่า มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา และก่อสร้างบ้านพักให้บริการนักท่องเที่ยว

จากการเข้าตรวจสอบ พบว่ามีการก่อสร้างเป็นอาคาร 4 หลัง ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง ได้แก่ศาลาชมวิว 1 หลัง อาคารที่พัก 2 หลัง และห้องน้ำอีก 1 หลัง ก่อสร้างอยู่บนพื้นที่ลาดชันกลางป่า ด้านหน้าสามารถมองเห็นวิวของเทศบาลเมืองกะทู้อย่างชัดเจน ส่วนด้านหลังติดภูเขาสูง ซึ่งยังมีความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ โดยรอบของพื้นที่มีการแผ้วถางพื้นที่ประมาณ 3 ไร่เศษ จนเหลือเพียงไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ขนาด 2-3 คนโอบ นับ 10 ต้น ซึ่งบางส่วนเป็นไม้คุ้มครอง เช่น ตะเคียนทราย หลุมพอ จึงได้ติดตามเจ้าของบ้านพักตากอากาศดังกล่าวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา

จากนั้น นายสมคิด ทั่วรอบ อายุ 54 ปี ผู้อ้างเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างพื้นที่ดังกล่าว ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่พร้อมนำเอกสารรังวัดสอบเขตเตรียมออก น.ส.3 ก. ของกรมที่ดิน 1 ฉบับมาแสดง ในรายละเอียดเอกสารระบุชื่อ นางชวดจิ้น ทั่วชอบ เป็นผู้ครอบครอง มีเนื้อที่ จำนวน 13-3-37 ไร่ เจ้าหน้าที่ที่ดินรังวัดเมื่อ 3 กันยายน 2537 และนอกจากนี้ ยังมี น.ส.3 ก. เลขที่ 4579 อีก 1 ฉบับ เนื้อที่ 11-1-67 ไร่ ของ น.ส.นนทิชา ทั่วรอบ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่

นายวีระ เกิดสิริมงคล นายอำเภอกะทู้กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นค่าพิกัดพบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนเทือกเขากมลา และเอกสารที่แสดงเป็นเพียงการรังวัดสอบเขตที่เตรียมออก น.ส.3 ก. ผู้อ้างสิทธิดังกล่าวจึงยังไม่มีสิทธิครอบครองตามกฎหมาย และไม่สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ หรือสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ ได้ จึงต้องดำเนินคดีร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยในเบื้องต้น ความผิดคือ ก่อสร้าง แผ้วถาง บุกรุกป่าไม้ และทำลายสิ่งแวดล้อม ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น