ยะลา - เจ้าหน้าที่คุมเข้มการเข้าออกด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย ป้องกันการแฝงตัวของบุคคลที่ถือสองสัญชาติ ช่วงโอกาสเดินทางเข้าช่วงใกล้วันเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ค.นี้
วันนี้ (3 พ.ค.) บรรยากาศที่ด่านพรมแดนเบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย ติดกับรัฐเประ ประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน ฝ่ายปกครอง เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการตรวจค้นบุคคลที่เดินทางเข้าออกด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียมากยิ่งขึ้น โดยนอกเหนือจากตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางว่ามีชื่ออยู่ในบัญชีด้านความมั่นคงแล้ว ทางการมาเลเซียได้ขอความร่วมมือในการสังเกตบุคคลที่เดินทางเข้าและออก ให้สังเกตนิ้วชี้ที่ทางการมาเลเซียได้ใช้หมึกแบบลบไม่ได้ เพื่อป้องกันการเวียนใช้สิทธิเนื่องจากทางการมาเลเซียได้จัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยหากเป็นคนไทย ขณะที่ถือหนังสือเดินทางของประเทศไทยเข้ามาประทับตราหนังสือเดินทางเข้าหรือออก หากพบที่นิ้วมือมีลักษณะที่นิ้วชี้มีหมึกสีแดงให้ถือว่าเป็นคนไทยที่ถือบัตรประชาชนสองสัญชาติ หากเมื่อพบให้ประสานกับทางการมาเลเซียทันที เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลที่ถือสองสัญชาติ ทั้งนี้ ทางการมาเลเซียจะได้เชิญตัวมาสอบสวนถึงที่มาของบัตรประชาชนของประเทศมาเลเซียต่อไป
ด้าน พ.ท.ฮีซัมมุดดีน ซารูลายาลี ผบ.พัน 3 (LT KOL HISHAMUDDIN ZAHRULLAYALI) เปิงกาลันฮูลู รัฐเประ ประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า กรณีบัตรประชาชนที่เป็นประเด็นระหว่างไทยกับมาเลเซีย คือ การเป็นบุคคลถือสองสัญชาติในมาเลเซียในปัจจุบันไม่สามารถกระทำได้เหมือนในอดีต ดังนั้น การจะถือบัตรประชาชน 2 ใบ สองสัญชาติ ย่อมไม่สามารถกระทำได้ และทำให้เกิดปัญหากับประชากรในพื้นที่ในเรื่องของผลประโยชน์ที่เคยได้รับจากการถือสองสัญชาติ และทำให้ต้องเลือกสัญชาติ และการถือครองบัตรประชาชนเพียงใบเดียวเท่านั้นตามกฎหมายของทางมาเลเซียที่ออกมา คือ มาเลเซียให้สัญชาติตามหลักดินแดน ดังนั้น ผู้ที่เสียประโยชน์ส่วนใหญ่จึงเลือกจะถือสัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง แล้วปลอมแปลงบัตรประชาชน เพื่อใช้ในการหางานหรือใช้สิทธิต่างๆ ของอีกประเทศหนึ่งไปด้วย ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ มากมาย เช่น การลักลอบขนย้ายสิ่งผิดกฎหมาย การทำงานผิดกฎหมายแรงงาน และการหลบซ่อนตัวในการกระทำความผิดในคดีต่างๆ