ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ตนำทีมจู่โจมตรวจค้นเรือนจำภูเก็ต ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ขณะที่ผู้บัญชาการเรือจำเผยที่ผ่านมามีการตรวจเข้มตลอด มั่นใจผู้ต้องขังไม่สามารถนำยาเสพติด หรือโทรศัพท์มือถือเข้าในเรือนจำได้
เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ (30 เม.ย.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต นำกลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ต สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. จู่โจมเข้าตรวจค้นเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อป้องกันปราบปราบยาเสพติดในเรือนจำ รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเรือนจำแห่งนี้ไม่มีการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมายตามโครงการเรือนจำสีขาว
สำหรับการจู่โจมในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้แยกออกตรวจค้นทั้งในส่วนของเรือนนอนหญิง และเรือนนอนชาย ซึ่งมีผู้ต้องขังรวมกันประมาณ 2,235 ราย เป็นนักโทษชายจำนวน 1,898 คน นักโทษหญิง 337 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกผู้ต้องขังที่กำลังนอนหลับให้ออกจากห้องพักทีละคนเพื่อตรวจค้นตัว ก่อนที่จะให้ไปรวมตัวที่โรงอาหารภายในเรือนจำ หลังจากนั้น ได้เข้าไปตรวจค้นล็อกเกอร์ของผู้ต้องขังแต่ละคน รวมทั้งตรวจค้นภายในห้องห้องนอน ห้องพยาบาล ห้องอาหาร รวมทั้งจุดสุ่มเสี่ยงที่คาดว่าจะมีการซุกซ่อนยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมาย และสุ่มตรวจปัสสาวะของผู้ต้องขัง จำนวน 200 คน ซึ่งผลจากการเรียกสุ่มตรวจไม่พบนักโทษปัสสาวะสีม่วง
นายไมตรี กล่าวภายหลังการตรวจค้นเรือนจำ ว่า เป็นการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติดแบบบูรณาการ โดยนำเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจำนวนกว่า 200 นาย เข้ามาร่วมในการตรวจค้นอย่างละเอียด ทั้งการค้นเรือนนอน ตู้ล็อกเกอร์ เบื้องต้นยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย อีกทั้งการสุ่มตรวจปัสสาวะก็ยังไม่พบสารเสพติด ดังนั้น ภาพรวมถือว่ายังเรียบร้อยดี ประกอบกับการต้นค้นเรือนจำ ทางเรือนจำได้มีการทำอยู่เป็นประจำ จึงมั่นใจได้ว่า เรือนจำแห่งนี้มีความสุ่มเสี่ยงเรื่องยาเสพติดน้อยกว่าที่อื่นๆ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับเรือนจำจังหวัดภูเก็ต คือ เรื่องของความแออัด เนื่องจากมีจำนวนผู้ต้องขังมากเกินกว่าที่ทางเรือนจำจะรองรับได้ ซึ่งเรือนจำแห่งนี้สามารถรองรับผู้ต้องขังได้เพียง 787 คน และสร้างมาตั้งแต่ปี 2560 ขณะนี้มีผู้ต้องขังมากกว่าปกติถึง 3 เท่า
ขณะที่ พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจค้นเรือนจำในวันนี้ ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือยาเสพติด ทั้งเรือนนอนและในตู้ล็อกเกอร์ โดยได้มีการสุ่มตรวจปัสสาวะนักโทษชาย จำนวน 200 คน จากจำนวนนักโทษทั้งหมด 2,235 คน ก็ยังไม่พบปัสสาสะสีม่วง ประกอบกับจากข้อมูลเชิงลึก เรือนจำแห่งนี้ยังไม่ปรากฏเครือข่ายยาเสพติดที่มีการแอบลักลอบติดต่อประสานงานกับเครือข่ายที่อยู่ภายนอก ดังนั้น เรือนจำแห่งนี้จึงเป็นเรือนจำสีขาวตามนโยบายของภาครัฐ ที่ต้องการในเรือนจำทั่วทั้งประเทศเป็นสถานที่ที่ปราศจากยาเสพติด
ด้านนายระพินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของเรือนจำจังหวัดภูเก็ตนั้น ได้มีการตรวจเรื่องของยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายที่จะเข้ามาในเรือนจำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ในส่วนของภายในเรือนจำ ผลการตรวจสอบไม่พบว่ามีสิ่งผิดกฎหมายเข้ามา ยกเว้นในส่วนของผู้ต้องขังที่เข้าใหม่ และผู้ต้องขังที่ต้องไปขึ้นศาล ซึ่งผู้ต้องขังเหล่านี้เมื่อกลับเข้ามาก็จะต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้หลายราย ในส่วนที่พยายามลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในเรือนจำ ทั้งโทรศัพท์มือถือ และยาเสพติด แต่ทั้งหมดไม่สามารถผ่านเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงชั้นในของเรือนจำได้ โดยเรือนจำภูเก็ตนั้นได้ประกาศให้เป็นเรือนจำสีขาวเมื่อปีที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ (30 เม.ย.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต นำกลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ต สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. จู่โจมเข้าตรวจค้นเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อป้องกันปราบปราบยาเสพติดในเรือนจำ รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเรือนจำแห่งนี้ไม่มีการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมายตามโครงการเรือนจำสีขาว
สำหรับการจู่โจมในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้แยกออกตรวจค้นทั้งในส่วนของเรือนนอนหญิง และเรือนนอนชาย ซึ่งมีผู้ต้องขังรวมกันประมาณ 2,235 ราย เป็นนักโทษชายจำนวน 1,898 คน นักโทษหญิง 337 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เรียกผู้ต้องขังที่กำลังนอนหลับให้ออกจากห้องพักทีละคนเพื่อตรวจค้นตัว ก่อนที่จะให้ไปรวมตัวที่โรงอาหารภายในเรือนจำ หลังจากนั้น ได้เข้าไปตรวจค้นล็อกเกอร์ของผู้ต้องขังแต่ละคน รวมทั้งตรวจค้นภายในห้องห้องนอน ห้องพยาบาล ห้องอาหาร รวมทั้งจุดสุ่มเสี่ยงที่คาดว่าจะมีการซุกซ่อนยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมาย และสุ่มตรวจปัสสาวะของผู้ต้องขัง จำนวน 200 คน ซึ่งผลจากการเรียกสุ่มตรวจไม่พบนักโทษปัสสาวะสีม่วง
นายไมตรี กล่าวภายหลังการตรวจค้นเรือนจำ ว่า เป็นการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติดแบบบูรณาการ โดยนำเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจำนวนกว่า 200 นาย เข้ามาร่วมในการตรวจค้นอย่างละเอียด ทั้งการค้นเรือนนอน ตู้ล็อกเกอร์ เบื้องต้นยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย อีกทั้งการสุ่มตรวจปัสสาวะก็ยังไม่พบสารเสพติด ดังนั้น ภาพรวมถือว่ายังเรียบร้อยดี ประกอบกับการต้นค้นเรือนจำ ทางเรือนจำได้มีการทำอยู่เป็นประจำ จึงมั่นใจได้ว่า เรือนจำแห่งนี้มีความสุ่มเสี่ยงเรื่องยาเสพติดน้อยกว่าที่อื่นๆ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับเรือนจำจังหวัดภูเก็ต คือ เรื่องของความแออัด เนื่องจากมีจำนวนผู้ต้องขังมากเกินกว่าที่ทางเรือนจำจะรองรับได้ ซึ่งเรือนจำแห่งนี้สามารถรองรับผู้ต้องขังได้เพียง 787 คน และสร้างมาตั้งแต่ปี 2560 ขณะนี้มีผู้ต้องขังมากกว่าปกติถึง 3 เท่า
ขณะที่ พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจค้นเรือนจำในวันนี้ ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือยาเสพติด ทั้งเรือนนอนและในตู้ล็อกเกอร์ โดยได้มีการสุ่มตรวจปัสสาวะนักโทษชาย จำนวน 200 คน จากจำนวนนักโทษทั้งหมด 2,235 คน ก็ยังไม่พบปัสสาสะสีม่วง ประกอบกับจากข้อมูลเชิงลึก เรือนจำแห่งนี้ยังไม่ปรากฏเครือข่ายยาเสพติดที่มีการแอบลักลอบติดต่อประสานงานกับเครือข่ายที่อยู่ภายนอก ดังนั้น เรือนจำแห่งนี้จึงเป็นเรือนจำสีขาวตามนโยบายของภาครัฐ ที่ต้องการในเรือนจำทั่วทั้งประเทศเป็นสถานที่ที่ปราศจากยาเสพติด
ด้านนายระพินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของเรือนจำจังหวัดภูเก็ตนั้น ได้มีการตรวจเรื่องของยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายที่จะเข้ามาในเรือนจำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ในส่วนของภายในเรือนจำ ผลการตรวจสอบไม่พบว่ามีสิ่งผิดกฎหมายเข้ามา ยกเว้นในส่วนของผู้ต้องขังที่เข้าใหม่ และผู้ต้องขังที่ต้องไปขึ้นศาล ซึ่งผู้ต้องขังเหล่านี้เมื่อกลับเข้ามาก็จะต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้หลายราย ในส่วนที่พยายามลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในเรือนจำ ทั้งโทรศัพท์มือถือ และยาเสพติด แต่ทั้งหมดไม่สามารถผ่านเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงชั้นในของเรือนจำได้ โดยเรือนจำภูเก็ตนั้นได้ประกาศให้เป็นเรือนจำสีขาวเมื่อปีที่ผ่านมา
