นครศรีธรรมราช - เจ้าหน้าที่กู้ชีพช่วยเหลือชายชราที่บาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุในนครศรีธรรมราช ห่างจากด่านตรวจลดอุบัติเหตุเพียงไม่ถึง 200 เมตร สถิติ 2 วันจากการรณรงค์ ยังไม่มีผู้เสียชีวิต อุบัติเหตุเกิดขึ้น 29 ครั้ง บาดเจ็บ 30 คน ผบก.นครศรีฯ สั่งดูพื้นที่น้ำท่วมขังด้วยหลังจากฝนตกหนักต่อเนื่อง
วันนี้ (13 เม.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดอุบัติเหตุบนถนนสายนครศรีธรรมราช-ปากพนัง ช่วง ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ อบต.คลองน้อย อ.ปากพนัง และเจ้าหน้าที่กู้ชีพมูลนิธิประชาร่วมใจ พยายามให้การช่วยเหลือชายชราที่ยังไม่ทราบชื่อ อยู่ในสภาพได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้สติ แขนและขาหักผิดรูป และมีบาดแผลฉกรรจ์หลายจุด จากอุบัติเหตุรถชนระหว่างรถยนต์กระบะและรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง โดยชายชรารายนี้ขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ออกมาจากถนนซอย และเข้าสู่ถนนสายนครศรีธรรมราชปากพนัง ช่วงตำบลคลองน้อย อ.ปากพนัง ล่าสุด นั้นพบว่าอาการยังคงไม่รู้สึกตัว
ส่วนภาพรวมอุบัติเหตุนั้น นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่าวันที่ 2 ของการรณรงค์ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 15 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 15 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด รวม 2 วัน มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 29 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 30 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ จักรยานยนต์คิดเป็นกว่าร้อยละ 90 มีพฤติกรรมเสี่ยง และสาเหตุสูงสุดคือ ขับรถเร็วเกินกำหนด และเมาสุรา สำหรับการเรียกตรวจรถทุกชนิดสะสม 2 วัน จำนวน 29,111 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 10 มาตรการ จำนวน 6,712 คน
พล.ต.ต.รณรงษ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ขณะนี้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีน้ำท่วมขังถนนหลายจุดจึงขอเตือนไปยังผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกชนิดให้ชะลอความเร็วรถด้วย เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ ในส่วนของตำรวจได้สั่งการไปยังโรงพักทุกแห่งให้สำรวจจุดเสี่ยงน้ำท่วมขังเพิ่มเติม พร้อมทั้งประสานไปยังแขวงการทางทั้ง 2 แห่ง และทางหลวงชนบทจังหวัด ให้ติดตั้งป้ายเตือนน้ำท่วมขังตามจุดต่างๆ ด้วย โดยเฉพาะที่โค้งบ้านในถุ้ง ถนนสายท่าศาลา-สิชล น้ำท่วมถนนรถผ่านได้ช่องทางเดียว ขอให้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย
พล.ต.ต.รณพงษ์ กล่าวด้วยว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุของจังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาพบว่ากว่า 90% เกิดจากรถจักรยานยนต์ ดังนั้น จึงขอเตือนไปยังผู้ขับขี่ และผู้ซ้อนท้ายให้สวมหมวกนิรภัยด้วย เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น โดยทางตำรวจจะยังคงตรวจเข้มในเรื่องของการขับรถขณะเมาสุรา ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย โทรศัพท์ขณะขับรถ และรถไม่มีไฟท้าย
นอกจากนี้ พบว่าปีที่ผ่านมา ในช่วงวันที่ 13-14 เมษายน อุบัติเหตุมักจะเกิดในหมู่บ้าน ชุมชน และถนนสายรอง เนื่องจากมีการดื่มฉลองกันมาก ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงนามในหนังสือถึงนายอำเภอ เพื่อขอความร่วมมือจากกำนันผู้ใหญ่บ้าน และท้องถิ่น ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับบุคคลในหมู่บ้าน/ชุมชนด้วย ให้มีความตระหนัก และให้ความร่วมมือโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นหากเมาสุราไม่ควรขับขี่รถจักยานยนต์ออกนอกพื้นที่ และตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนเป็นต้นไป เจ้าหน้าที่จะปรับแผนเน้นการตรวจและให้บริการรถด้านถนนขาขึ้นเป็นสำคัญ