ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการข่าวภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า บุกทลายคลังน้ำมันเถื่อนชายแดนไทย-มาเลเซีย ยึดน้ำมันดีเซลเถื่อน 7,000 ลิตร รถกระบะดัดแปลง 2 คัน และผู้ต้องหา 2 คน
วันนี้ (8 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการข่าวภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นำโดย พ.อ.จรัล เอี่ยมฐานนท์ เสนาธิการกรมทหารราบที่ 5 สนธิกำลังกับทหารหน่วยเฉพาะกิจ ร้อย ร.5021 ตชด.437 และศุลกากร กว่า 30 นาย บุกเข้าตรวจค้นคลังน้ำมันเถื่อน ซึ่งตั้งอยู่ท้ายซอยสองชัย ม.2 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา และเป็นคลังน้ำมันเถื่อนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ติดแนวพรมแดนไทย-มาเลเซีย
โดยเจ้าหน้าที่สามารถยึดรถยนต์กระบะดัดแปลงสภาพสำหรับบรรทุกน้ำมันเถื่อนได้ 2 คัน ประกอบด้วย รถกระบะวีโก้ สีดำ สี่ประตู ทะเบียน พจ 8175 สงขลา และรถกระบะวีโก้ ตอนเดียว สีบรอนซ์ ซึ่งสวมป้ายทะเบียนเดียวกัน และรถทั้ง 2 คัน มีการตีตู้เหล็กทั้งภายใน และกระบะท้ายซึ่งสามารถบรรทุกน้ำมันเถื่อนได้คันละ 2,000 ลิตร และยังพบว่าป้ายทะเบียน พจ 8175 เป็นป้ายที่ใช้สวมรถขนน้ำมันเถื่อนป้ายเดียวกันถึง 5 คัน
นอกจากนี้ ภายในเต็นท์ซึ่งสร้างเป็นเพิงพักชั่วคราว ยังพบถังสำหรับเก็บน้ำมันความจุ 1,000 ลิตร อีก 13 ถัง ปั๊มดูดน้ำมัน 7 ตัว รวมน้ำมันที่ยึดได้จากรถกระบะ และที่บรรจุอยู่ในถังกว่า 7,000 ลิตร ซึ่งเป็นน้ำมันดีเซล และเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คนคือ นายเอก มหามิตร อายุ 40 ปี ชาว อ.ระโนด จ.สงขลา ซึ่งรับเป็นเจ้าของ และนายสุรศักดิ์ โชติมณี อายุ 30 ปี ชาว ต.ม่วงงาม อ.สิงหนคร จ.สงขลา คนขับรถ ทั้งนี้ ระหว่างเข้าตรวจค้นมีรถยนต์กระบะซึ่งบรรทุกน้ำมันเถื่อนเต็มคันรถสามารถขับหลบหนีไปได้ 2 คัน
จากการสอบสวน นายเอก ให้การว่า คลังน้ำมันเถื่อนแห่งนี้เปิดมาได้ 3 เดือนโดยรับน้ำมันมาจากประเทศมาเลเซีย และกระจายส่งให้ลูกค้าตามปั๊มน้ำมันรายย่อย เรือประมง ในพื้นที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา และ จ.นครศรีธรรมราช โดยขายส่งในราคาลิตรละ 25-30 บาท และจะนำไปส่งด้วยรถกระบะวันละ 3 เที่ยว
สำหรับคลังน้ำมันเถื่อนแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า มีนายทุนใหญ่ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่
