ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ไมตรี อินทุสุต” ผู้ว่าฯ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าคณะฝ่ายสงฆ์ และประชาชนจำนวนกว่า 2,000 คน เข้าร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูอุดมเวชกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดไชธาราราม (วัดฉลอง) หลังรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2548 ที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลากว่า 8 ปี จนมรณภาพ
เมื่อวันที่ 7 เม.ย.56 ที่เมรุพิเศษ วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต พระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะหนใต้ เจ้าอาวาสวัดกระพังสุรินทร์ จังหวัดตรัง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานฝ่ายฆราวาส และประธานในพิธีทอดผ้ามาบังสกุล โดยมี พระวิสุทธิธรรมคณี เจ้าอาวาสวัดท่าเรือ เจ้าคณะจังหวัดภูเก็ต พระครูเมตตาภิรม เจ้าอาวาสวัดมงคลนิมิต เจ้าคณะอำเภอเมือง พระมหาพงษ์ศักดิ์ เตชวณฺโณ รักษาการเจ้าอาวาสวัดไชยธาราราม เจ้าคณะอำเภอกะทู้ พระสงฆ์ทั้งในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้ง น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ นายจำเริญ ทิพยพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ส.ส.ปชป.ภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ปชป.ภูเก็ต นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ส.ว.ภูเก็ต พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นายสำราญ จินดาพล นายกเทศมนตรีตำบลฉลอง ผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ และพนักงานเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลฉลอง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และศิษยานุศิษย์ทั้งจากจังหวัดภูเก็ต และต่างจังหวัด เข้าร่วมกว่า 2,000 คน
ซึ่งงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูอุดมเวชกิจ (หลิม อุตตมญาโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดไชธาราราม (วัดฉลอง) ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทางวัดฉลอง ได้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 3-7 เม.ย.56 ที่ผ่านมา
สำหรับพระครูอุดมเวชกิจ (หลิม) อุตตมุญาโณ อายุ 87 ปี เจ้าอาวาสวัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต มรณภาพ เมื่อเวลา 16.21 น. วันที่ 11 ก.ย.55 ที่ห้อง CCU โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ซึ่งเข้ารักษาตัวตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2548 อยู่โรงพยาบาลมาแล้ว 8 ปี พระครูอุดมเวชกิจ เดิมชื่อ นายหลิม สิทธิโชค เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2468 บิดาชื่อ นายแดง สิทธิโชค มารดาชื่อ นางค่อง สิทธิโชค อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ที่ 3 ตำบลบางเทา (ปัจจุบันตำบลเชิงทะเล) อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต บิดามารดามีอาชีพทำสวน พ.ศ.2480 ท่านสำเร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนเอียดเอ้ง ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันคือ โรงเรียนเทศบาลบ้านบางเหนียว และได้อุปสมบท เมื่ออายุได้ 37 ปี ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2505 เวลา 13.00 น. ที่วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต โดยมีพระราชวิสุทธิมุนี วัดมงคลนิมิตร ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิพัฒน์สมาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูกิจจานุการ (พ่อท่านเกลื้อม เจ้าอาวาสวัดฉลองสมัยนั้น) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “อุตตมุญาโณ” พ.ศ.2506 ท่านสอบได้นักธรรมตรี สำนักเรียนวัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) พ.ศ.2519 ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็นพระวินัยธร ในวันที่ 18 มิถุนายน 2532 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) และวันที่ 5 ธันวาคม 2533 ท่านได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นโทที่พระครูอุดมเวชกิจ ส่วนพ.ศ.2536 เป็นพระอุปัชฌาย์
ตั้งแต่ท่านได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) ท่านได้พัฒนาวัดฉลองเจริญก้าวหน้าไปอย่างมาก ได้มีการก่อสร้างศาสนสถานที่สำคัญเพิ่มขึ้นมากมาย เช่น ดำเนินการก่อสร้างมณฑปที่ประดิษฐานหลวงพ่อวัดฉลอง (หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อช่วง หลวงพ่อเกลื้อม) แทนองค์เดิมที่คับแคบ เมื่อ พ.ศ.2533 ตามกำหนดเดิมการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในวันที่ 10 มกราคม 2535 ใช้เงินก่อสร้างรวม 16 ล้านบาทถ้วน แต่การก่อสร้างได้ยืดเยื้อออกไปจนสำเร็จบริบูรณ์ เมื่อปี พ.ศ.2536
ในการก่อสร้างมณฑปหลวงพ่อฉลองนั้น ได้มีการประกอบพิธียกฉัตรทองคำ มณฑปที่ประดิษฐานหลวงพ่อวัดฉลอง โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2536 ในสมัยที่นายยุวัฒน์ วุฒิเมธี เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ ยังมีการสร้างกุฎิจำลองหลวงพ่อวัดฉลองทำด้วยไม้สักทองทั้งหลังในสมัยของท่านหลิมเช่นกัน สิ่งก่อสร้างที่ถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดซึ่งก่อสร้างสำเร็จในสมัยของท่านก็คือ “พระมหาธาตุเจดีย์ พระจอมไทบารมีประกาศ” หรือพระธาตุวัดฉลองนั่นเอง ซึ่งนอกจากการพัฒนาปรับปรุงวัดแล้ว พ่อท่านหลิมยังได้สืบทอดวิชาต่อกระดูกจากพ่อท่านเกลื้อม โดยทำการช่วยเหลือรักษาประชาชนที่เจ็บป่วยตลอดมา แม้กระทั่งขณะที่ท่านอาพาธ ท่านยังแนะนำให้ลูกศิษย์หรือผู้ใกล้ชิด ทำการรักษาโดยมีท่านคอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด อีกทั้งพ่อท่านหลิม ยังประกอบพิธีไหว้ครูหมอกระดูกเป็นประจำทุกปี ตามประเพณีปฏิบัติของวัดฉลองสืบต่อกันมา