กระบี่ - สู้ชีวิต หญิงพิการแต่กำเนิดฐานะยากจน อาศัยในบ้านเก่าๆ รวม 8 ชีวิต แต่ยังดิ้นรนสู้ชีวิต เก็บของเก่าขายเลี้ยงครอบครัว และต้องคอยดูแลยายวัย 93 ปี ป่วยอัมพฤกษ์มานานกว่า 6 ปี ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าดูแล
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีหญิงพิการสู้ชีวิตเก็บของเก่าขายเลี้ยง 8 ชีวิต ในพื้นที่อำเภอเขาพนม จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนางสุทิสา เทพสันตา อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 ม.1 ต.เขาดิน อ.เขาพนม จ.กระบี่ ป่วยพิการเป็นโรคกระดูกงอ แขน ขา ลีบแต่กำเนิด ไม่สามารถทำงานหนักได้ ครอบครัวฐานะยากจน อาศัยอยู่ในบ้านสภาพเก่าริมถนนสายชัยบุรี-เขาพนม ต.เขาดิน อ.เขาพนม กับครอบครัวรวม 8 ชีวิต ซึ่งความเป็นอยู่แออัดมาก
ประกอบด้วย สามี พ่อ แม่ ลูกสาววัย 5 ขวบ 1 คน หลานสาวและหลายชายวัย 9 ขวบ 1 คน 8 ขวบ 1 คน และยายวัย 93 ปี อีก 1 คน ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งแต่ละเดือนรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย แถมที่ดินที่อาศัยปลูกบ้านเนื้อที่ 2 ไร่ กำลังถูกนายทุนข่มขู่ให้ออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นที่ดินคาบเกี่ยวกับที่นายทุนเคยซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่ก็ไม่มีเงินสู้คดี ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ
นางสุทิสา กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ประกอบอาชีพงานทำรับซื้อของเก่าเลี้ยงครอบครัว โดยมีสามีคอยช่วย ส่วนพ่อก็อายุมากแล้วทำงานไม่ไหว แม่ก็ต้องคอยดูแลคุณยายที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์มานานกว่า 6 ปีแล้ว นอกจากนั้น ยังต้องดูแลหลาน และลูกอีกรวม 3 คน เดิมทีตนก็รับจ้างดับไม้ยางในโรงงานที่อยู่ใกล้บ้าน แต่เกิดอาการปวดหลัง ประกอบกับเป็นโรคไตด้วย จึงต้องหยุดงานมาอยู่ที่บ้าน โดยเก็บของเก่าขายเลี้ยงครอบครัวไปวันๆ มีรายได้ไม่แน่นอน
จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัย เวลาฝนตกก็หลังคารั่วไม่มีเงินซ่อมแซม ปัจจุบัน ครอบครัวอยู่อย่างลำบากมาก และยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแล ทั้งนี้ เมื่อ 3 ปีก่อน เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมฯ มอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 2 พันบาท จากนั้นก็ไม่มีอีกเลย
นางสุทิสา กล่าวต่อไปว่า ล่าสุด ทางรัฐบาลได้ตั้งกองทุนพัฒนาสตรีขึ้น ซึ่งตนก็ได้เข้าไปสมัครเป็นสมาชิก และได้รับเงินในส่วนของคนพิการ จำนวน 25,000 บาท เพื่อนำเป็นเงินลงทุนซื้อของเก่า และในเบื้องต้นก็ได้นำไปซื้อรถซาเล้งเป็นเงิน 15,000 บาท และเหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียนซื้อของเก่าเป็นเงิน 10,000 บาท ซึ่งหากการรับซื้อของเก่าไปได้ดี ก็อาจจะทำให้ชีวิต และครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“และที่ผ่านมา ตนเคยไปฝึกฝีมือที่ศูนย์ศิลปชีพบางไทร ซึ่งตนมีความชำนาญในเรื่องของการเขียนลายผ้าบาติก แต่หลังจากกลับมาทำเป็นอาชีพได้ระยะหนึ่งก็ต้องหยุดไปเนื่องจากต้องประสบกับการขาดทุน ผ้าบาติกได้ในราคาถูก และมีความฝันที่จะตั้งเป็นกลุ่มทำผ้าบาติกแต่ไม่มีเงินทุน และความรู้จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือด้วย และตนจะไม่ขอยอมแพ้กับชีวิตอย่างเด็ดขาดถึงแม้จะลำบากเพียงไหนก็ตาม
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีหญิงพิการสู้ชีวิตเก็บของเก่าขายเลี้ยง 8 ชีวิต ในพื้นที่อำเภอเขาพนม จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนางสุทิสา เทพสันตา อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 ม.1 ต.เขาดิน อ.เขาพนม จ.กระบี่ ป่วยพิการเป็นโรคกระดูกงอ แขน ขา ลีบแต่กำเนิด ไม่สามารถทำงานหนักได้ ครอบครัวฐานะยากจน อาศัยอยู่ในบ้านสภาพเก่าริมถนนสายชัยบุรี-เขาพนม ต.เขาดิน อ.เขาพนม กับครอบครัวรวม 8 ชีวิต ซึ่งความเป็นอยู่แออัดมาก
ประกอบด้วย สามี พ่อ แม่ ลูกสาววัย 5 ขวบ 1 คน หลานสาวและหลายชายวัย 9 ขวบ 1 คน 8 ขวบ 1 คน และยายวัย 93 ปี อีก 1 คน ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งแต่ละเดือนรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย แถมที่ดินที่อาศัยปลูกบ้านเนื้อที่ 2 ไร่ กำลังถูกนายทุนข่มขู่ให้ออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นที่ดินคาบเกี่ยวกับที่นายทุนเคยซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อน แต่ก็ไม่มีเงินสู้คดี ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ
นางสุทิสา กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ประกอบอาชีพงานทำรับซื้อของเก่าเลี้ยงครอบครัว โดยมีสามีคอยช่วย ส่วนพ่อก็อายุมากแล้วทำงานไม่ไหว แม่ก็ต้องคอยดูแลคุณยายที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์มานานกว่า 6 ปีแล้ว นอกจากนั้น ยังต้องดูแลหลาน และลูกอีกรวม 3 คน เดิมทีตนก็รับจ้างดับไม้ยางในโรงงานที่อยู่ใกล้บ้าน แต่เกิดอาการปวดหลัง ประกอบกับเป็นโรคไตด้วย จึงต้องหยุดงานมาอยู่ที่บ้าน โดยเก็บของเก่าขายเลี้ยงครอบครัวไปวันๆ มีรายได้ไม่แน่นอน
จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัย เวลาฝนตกก็หลังคารั่วไม่มีเงินซ่อมแซม ปัจจุบัน ครอบครัวอยู่อย่างลำบากมาก และยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแล ทั้งนี้ เมื่อ 3 ปีก่อน เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมฯ มอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 2 พันบาท จากนั้นก็ไม่มีอีกเลย
นางสุทิสา กล่าวต่อไปว่า ล่าสุด ทางรัฐบาลได้ตั้งกองทุนพัฒนาสตรีขึ้น ซึ่งตนก็ได้เข้าไปสมัครเป็นสมาชิก และได้รับเงินในส่วนของคนพิการ จำนวน 25,000 บาท เพื่อนำเป็นเงินลงทุนซื้อของเก่า และในเบื้องต้นก็ได้นำไปซื้อรถซาเล้งเป็นเงิน 15,000 บาท และเหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียนซื้อของเก่าเป็นเงิน 10,000 บาท ซึ่งหากการรับซื้อของเก่าไปได้ดี ก็อาจจะทำให้ชีวิต และครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“และที่ผ่านมา ตนเคยไปฝึกฝีมือที่ศูนย์ศิลปชีพบางไทร ซึ่งตนมีความชำนาญในเรื่องของการเขียนลายผ้าบาติก แต่หลังจากกลับมาทำเป็นอาชีพได้ระยะหนึ่งก็ต้องหยุดไปเนื่องจากต้องประสบกับการขาดทุน ผ้าบาติกได้ในราคาถูก และมีความฝันที่จะตั้งเป็นกลุ่มทำผ้าบาติกแต่ไม่มีเงินทุน และความรู้จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือด้วย และตนจะไม่ขอยอมแพ้กับชีวิตอย่างเด็ดขาดถึงแม้จะลำบากเพียงไหนก็ตาม
