ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จัดงานปฐมนิเทศเยาวชนโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 19 ก่อนออกเดินทางไปใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่สวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา นายอารีย์ วงศ์อารยะ รองประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นประธานในการปฐมนิเทศเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รุ่นที่ 19 ก่อนออกเดินทางไปใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง
สำหรับโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” เป็นโครงการที่เกิดจากการดำริของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์มูลนิธิรักเมืองไท และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมนำเยาวชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม เพื่อเรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ และสามารถเชื่อมความสัมพันธ์เป็นเครือข่ายครอบครัวอันจะนำไปสู่ความสมานฉันท์ในสังคมได้
รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 19 มีเยาวชนมุสลิมจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จ.สตูล สงขลา นราธิวาส ปัตตานี และยะลา เข้าร่วมโครงการฯ สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการมีจำนวน 240 คน ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 26 เม.ย.2556 เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวอุปถัมภ์ และสามารถเชื่อมความสัมพันธ์เป็นเครือข่ายครอบครัวที่เปรียบเสมือนญาติในอนาคตได้ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการมาแล้ว 18 รุ่น ซึ่งทุกรุ่นที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี
นายอารีย์ วงศ์อารยะ รองประธานคณะกรรมการดำเนินโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” กล่าวให้โอวาทแก่เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ว่า เยาวชนจะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับตนเองให้มากที่สุด ทั้งในเรื่องการปรับตัวเข้ากับครอบครัวอุปถัมภ์ กิริยามารยาท การแต่งกาย ฯลฯ ขอให้เยาวชนทุกคนมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ถึงความเหมือน และความต่างทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต การอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสามัคคี และความสันติสุข เพื่อที่จะได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่ายิ่งจากครอบครัวอุปถัมภ์เหล่านั้น ให้เยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามได้นำมาพัฒนาแนวคิดของตนเองให้สามารถปฏิบัติตนเป็นผู้นำที่ดีของชุมชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ต่อไป