ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต แจ้งความดำเนินคดีถูกแอบอ้างชื่อไปเรียกเงินจากเมียผู้ต้องหาเพื่อวิ่งเต้นล้มคดียาเสพติดยึดยาไอซ์ได้ 50 จี ขณะทีเมียผู้ต้องหาเผยถูกเรียกเก็บเงินไปแล้ว 4 แสน แต่คดีไม่คืบ พร้อมไปขอเงินคืนนายหน้าอ้างจ่ายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วรวม 3 แสน จึงเดินหน้าพบทั้งร้อยเวร/ชุดสืบสวนที่ถูกอ้างชื่อ สุดท้ายยืนยันเหมือนกันไม่เคยเรียกรับเงินจากใคร
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.56 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย นางดวงพร ลือทรัพย์ ภรรยาผู้ต้องหาคดียาเสพติด ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต จับกุมเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมของกลางยาไอซ์ 50 จี ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนหลังมีผู้แอบอ้างตัวว่า สามารถดำเนินการว่าความแก้ต่างในคดีของสามีได้ โดยเงินส่วนหนึ่ง จำนวน 200,000 บาท มอบให้แก่ชุดจับกุม และอีก 100,000 บาท มอบให้แก่ร้อยเวรไปแล้ว
โดย นางดวงพร ลือทรัพย์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/2 ม.2 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ภรรยาของ นายสุวิทย์ บัวพรหม ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต จับกุมได้ เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา กล่าวถึงการเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน สารวัตรสืบสวน ว่า หลังสามีถูกจับกุมในคดียาเสพติด ก็ได้มีเพื่อนติดต่อให้คุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าสามารถดำเนินการว่าความแก้ต่างๆ ในคดีของ นายสุวิทย์ สามีได้ โดยจะต้องมีการจ่ายเงินค่าดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ได้จ่ายเงินไปแล้ว จำนวน 400,000 บาท แต่คดีไม่คืบ จึงได้เดินทางไปสอบถามความคืบหน้าการวิ่งเต้นคดีดังกล่าว แต่จากการไปสอบถามพบว่าทางผู้วิ่งเต้นขอเงินเพิ่มอีก 300,000 บาท หลังจากนั้น ตนก็ได้ไปเยี่ยมสามีที่เรือนจำ เพื่อแจ้งเรื่องของการวิ่งเต้นคดีดังกล่าว ซึ่งทางสามีบอกว่า ไม่ต้องวิ่งเต้นแล้ว และให้ไปขอเงินที่จ่ายไปแล้ว 4 แสนคืน
หลังจากนั้น ตนก็ได้โทรศัพท์ติดต่อไปทางหญิงสาวรายดังกล่าว โดยแจ้งให้ตนไปหาที่ทำงาน หลังจากนั้น ก็ได้มีการสอบถาม และขอเงินคืน แต่ได้รับคำตอบว่าเงินจำนวน 4 แสนบาทนั้น ได้จ่ายให้แก่ร้อยเวรไปแล้ว 100,000 บาท และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จำนวน 200,000 บาท พร้อมกับแจ้งว่าจ่ายให้ใครไปบ้าง ตนจึงได้มาพบหัวหน้าชุดจับกุม และร้อยเวรที่ถูกอ้างชื่อเพื่อสอบถามเรื่องที่เงินที่ถูกกล่าวอ้างว่าเอาไป แต่หัวหน้าชุดจับกุมไม่รู้เรื่อง และยืนยันว่า ไม่เคยได้รับเงินดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากทราบเรื่องจากตนว่าถูกแอบอ้างชื่อทางหัวหน้าชุดจับกุม คือ พ.ต.ท.ประวิทย์ ได้เข้าไปแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่แอบอ้างชื่อเรียกเงินวิ่งเต้นคดีทันที
ด้าน พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งถูกอ้างชื่อ กล่าวยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินเพื่อวิ่งเต้นคดีแต่อย่างใด เชื่อว่าเป็นการแอบอ้าง ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวได้ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างยิ่ง เบื้องต้น จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่แอบอ้างคนดังกล่าวที่เอาชื่อตนเองไปแอบอ้างในข้อหา “หมิ่นประมาท” แล้ว และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากให้ปล่อยผ่านไปเพราะเป็นการทำลายชื่อเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมฝากเตือนญาติผู้ต้องหาอย่าหลงเชื่อหากใครอ้างชื่อไปหากินแบบนี้ เพราะไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าว
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.56 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย นางดวงพร ลือทรัพย์ ภรรยาผู้ต้องหาคดียาเสพติด ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต จับกุมเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมของกลางยาไอซ์ 50 จี ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนหลังมีผู้แอบอ้างตัวว่า สามารถดำเนินการว่าความแก้ต่างในคดีของสามีได้ โดยเงินส่วนหนึ่ง จำนวน 200,000 บาท มอบให้แก่ชุดจับกุม และอีก 100,000 บาท มอบให้แก่ร้อยเวรไปแล้ว
โดย นางดวงพร ลือทรัพย์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/2 ม.2 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ภรรยาของ นายสุวิทย์ บัวพรหม ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต จับกุมได้ เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา กล่าวถึงการเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน สารวัตรสืบสวน ว่า หลังสามีถูกจับกุมในคดียาเสพติด ก็ได้มีเพื่อนติดต่อให้คุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าสามารถดำเนินการว่าความแก้ต่างๆ ในคดีของ นายสุวิทย์ สามีได้ โดยจะต้องมีการจ่ายเงินค่าดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ได้จ่ายเงินไปแล้ว จำนวน 400,000 บาท แต่คดีไม่คืบ จึงได้เดินทางไปสอบถามความคืบหน้าการวิ่งเต้นคดีดังกล่าว แต่จากการไปสอบถามพบว่าทางผู้วิ่งเต้นขอเงินเพิ่มอีก 300,000 บาท หลังจากนั้น ตนก็ได้ไปเยี่ยมสามีที่เรือนจำ เพื่อแจ้งเรื่องของการวิ่งเต้นคดีดังกล่าว ซึ่งทางสามีบอกว่า ไม่ต้องวิ่งเต้นแล้ว และให้ไปขอเงินที่จ่ายไปแล้ว 4 แสนคืน
หลังจากนั้น ตนก็ได้โทรศัพท์ติดต่อไปทางหญิงสาวรายดังกล่าว โดยแจ้งให้ตนไปหาที่ทำงาน หลังจากนั้น ก็ได้มีการสอบถาม และขอเงินคืน แต่ได้รับคำตอบว่าเงินจำนวน 4 แสนบาทนั้น ได้จ่ายให้แก่ร้อยเวรไปแล้ว 100,000 บาท และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จำนวน 200,000 บาท พร้อมกับแจ้งว่าจ่ายให้ใครไปบ้าง ตนจึงได้มาพบหัวหน้าชุดจับกุม และร้อยเวรที่ถูกอ้างชื่อเพื่อสอบถามเรื่องที่เงินที่ถูกกล่าวอ้างว่าเอาไป แต่หัวหน้าชุดจับกุมไม่รู้เรื่อง และยืนยันว่า ไม่เคยได้รับเงินดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากทราบเรื่องจากตนว่าถูกแอบอ้างชื่อทางหัวหน้าชุดจับกุม คือ พ.ต.ท.ประวิทย์ ได้เข้าไปแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่แอบอ้างชื่อเรียกเงินวิ่งเต้นคดีทันที
ด้าน พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ซึ่งถูกอ้างชื่อ กล่าวยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการเรียกเก็บเงินเพื่อวิ่งเต้นคดีแต่อย่างใด เชื่อว่าเป็นการแอบอ้าง ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวได้ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างยิ่ง เบื้องต้น จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่แอบอ้างคนดังกล่าวที่เอาชื่อตนเองไปแอบอ้างในข้อหา “หมิ่นประมาท” แล้ว และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากให้ปล่อยผ่านไปเพราะเป็นการทำลายชื่อเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมฝากเตือนญาติผู้ต้องหาอย่าหลงเชื่อหากใครอ้างชื่อไปหากินแบบนี้ เพราะไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าว
