ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หนุ่มขับรถบัสรับ-ส่งนักท่องเที่ยวที่ภูเก็ต ซวยถูกประตูอัตโนมัติหนีบคอเสียชีวิตคาที่ ขณะกำลังจะเดินลงจากรถเพื่อรอรับนักท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (18 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุคนถูกประตูรถบัสรับ-ส่งนักท่องเที่ยวหนีบคอเสียชีวิตติดอยู่ภายในรถบัสคันที่เกิดเหตุ โดยเหตุเกิดที่บริเวณลานจอดรถโบ๊ทลากูน ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบ หลังรับแจ้ง ร.ต.ท.จิระวัฒน์ แท่นชื่น ร้อยเวร สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.กิติศักดิ์ หนูผึ้ง สารวัตรวิทยาการจังหวัดภูเต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต และอาสามูลนิธิกุศลธรรมจุดสะปำไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ภายในบริเวณลานจอดบริษัทโบ๊ทลากูน
พบรถบัสขนาด 40 ที่นั่ง สีขาว ข้างรถเขียนคำว่าสวัสดิ์แทรเวล หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 31-4503 กรุงเทพมหานคร จอดติดเครื่องอยู่ ที่บริเวณประตูทางขึ้น-ลง ซึ่งเป็นประตูอัตโนมัติพบศพผู้เสียชีวิตติดอยู่ที่ประตู โดยศีรษะยื่นออกมานอกรถ และแขนข้างหนึ่งจับขอบประตูรถ ส่วนลำตัวอยู่ในรถ ซึ่งบริเวณลำคอถูกประตูหนีบติดอยู่กับที่ในสภาพยืน เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมต้องช่วยกันงัดประตูรถเพื่อนำศพของผู้เสียชีวิตออกมา
ตรวจสอบทราบชื่อ คือ นายเอกรัตน์ สาระผล อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/21 ม.2 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นพนักงานขับรถทัวร์คันที่เกิดเหตุ หลังจากเอาศพออกมาได้พบว่ามีรอยเขียวช้ำที่บริเวณลำคอ และจากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเพื่อชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตต่อไป
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเอกรัตน์ สาระผล ผู้ตายได้ขับรถคันดังกล่าวมาจอดเพื่อรอรับนักท่อเที่ยวไปเที่ยวในพื้นที่จังหวัดพังงา และในระหว่างกำลังตรวจเช็กความพร้อมของรถ คาดว่าผู้ตายน่าจะปิดประตูรถเพื่อลงจากรถทัวร์คันดังกล่าว แต่เกิดพลาดท่าถูกประตูแบบอัตโนมัติหนีบร่างติดอยู่ คาดว่าก่อนหมดสติผู้ตายน่าจะเรียกเพื่อน หรือนักท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวให้เข้าช่วยเหลือ แต่เสียงรถบัสที่สตาร์ทเครื่องอยู่นั้นเสียงดังจึงไม่มีใครได้ยิน
ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนต่อไป และจากการสอบสวนเพิ่มเติมทราบว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่งมาทำงานขับรถบัสเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ส่วนรถบัสคันที่เกิดเหตุเจ้าของเพิ่งซื้อมาวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (18 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุคนถูกประตูรถบัสรับ-ส่งนักท่องเที่ยวหนีบคอเสียชีวิตติดอยู่ภายในรถบัสคันที่เกิดเหตุ โดยเหตุเกิดที่บริเวณลานจอดรถโบ๊ทลากูน ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบ หลังรับแจ้ง ร.ต.ท.จิระวัฒน์ แท่นชื่น ร้อยเวร สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.กิติศักดิ์ หนูผึ้ง สารวัตรวิทยาการจังหวัดภูเต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต และอาสามูลนิธิกุศลธรรมจุดสะปำไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ภายในบริเวณลานจอดบริษัทโบ๊ทลากูน
พบรถบัสขนาด 40 ที่นั่ง สีขาว ข้างรถเขียนคำว่าสวัสดิ์แทรเวล หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 31-4503 กรุงเทพมหานคร จอดติดเครื่องอยู่ ที่บริเวณประตูทางขึ้น-ลง ซึ่งเป็นประตูอัตโนมัติพบศพผู้เสียชีวิตติดอยู่ที่ประตู โดยศีรษะยื่นออกมานอกรถ และแขนข้างหนึ่งจับขอบประตูรถ ส่วนลำตัวอยู่ในรถ ซึ่งบริเวณลำคอถูกประตูหนีบติดอยู่กับที่ในสภาพยืน เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมต้องช่วยกันงัดประตูรถเพื่อนำศพของผู้เสียชีวิตออกมา
ตรวจสอบทราบชื่อ คือ นายเอกรัตน์ สาระผล อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/21 ม.2 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นพนักงานขับรถทัวร์คันที่เกิดเหตุ หลังจากเอาศพออกมาได้พบว่ามีรอยเขียวช้ำที่บริเวณลำคอ และจากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเพื่อชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตต่อไป
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเอกรัตน์ สาระผล ผู้ตายได้ขับรถคันดังกล่าวมาจอดเพื่อรอรับนักท่อเที่ยวไปเที่ยวในพื้นที่จังหวัดพังงา และในระหว่างกำลังตรวจเช็กความพร้อมของรถ คาดว่าผู้ตายน่าจะปิดประตูรถเพื่อลงจากรถทัวร์คันดังกล่าว แต่เกิดพลาดท่าถูกประตูแบบอัตโนมัติหนีบร่างติดอยู่ คาดว่าก่อนหมดสติผู้ตายน่าจะเรียกเพื่อน หรือนักท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวให้เข้าช่วยเหลือ แต่เสียงรถบัสที่สตาร์ทเครื่องอยู่นั้นเสียงดังจึงไม่มีใครได้ยิน
ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนต่อไป และจากการสอบสวนเพิ่มเติมทราบว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่งมาทำงานขับรถบัสเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ส่วนรถบัสคันที่เกิดเหตุเจ้าของเพิ่งซื้อมาวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น