กระบี่ - เกาะพีพี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่ ส่อแววขาดแคลนน้ำหลังฝนทิ้งช่วงนานกว่า 1 เดือน ด้านผู้ประกอบการเตรียมกักเก็บน้ำรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นวันละ 2-3 พันคน คาดเดือนเมษายนขาดแคลนหนัก เตรียมซื้อน้ำจากภูเก็ตลูกบาศก์เมตรละ 300 บาท
จากภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบนเกาะพีพี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ม.7 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขององค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง ที่ตั้งอยู่บนเกาะพีพี ไม่สามารถสูบน้ำมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งหาภาชนะมากักเก็บน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลนรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นกว่าทุกปี เฉลี่ย 2-3 พันคน นอกจากนี้ ต้องสั่งซื้อน้ำมาจากฝั่งจังหวัดภูเก็ตในราคาลูกบาศก์เมตรละ 250-300 บาท
นายวีรภัทร์ จันทโร ประธานชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะพีพี กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้ค่อนข้างมาเร็ว และนานกว่าทุกปี เพราะในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ฝนเริ่มทิ้งช่วงมาตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต เพราะผู้ประกอบการโรงแรมที่พักก็ได้มีการเตรียมการเก็บน้ำไว้ใช้แล้ว คาดว่าช่วงเดือนเมษายนนี้ น้ำจะขาดขาดแคลนอย่างหนัก เพราะนอกจากแหล่งเก็บน้ำไม่มีน้ำแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นด้วย
ด้านนายพันคำ กิตติธรกุล นายก อบต.อ่าวนาง กล่าวว่า แม้ว่าปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของ อบต.อ่าวนางเริ่มลดลง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นวิกฤตเพราะยังมีอ่างเก็บน้ำของเอกชนบนเกาะพีพี ซึ่งได้มีการลงทุนสร้างอ่างเก็บน้ำเนื้อที่ประมาณ 13 ไร่ ความจุประมาณ 250,000 ลูกบาศก์เมตร ยังมีน้ำเหลืออยู่มาก แต่คงใช้ได้ไม่เกินเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งได้มีการเตรียมแผนรองรับโดยให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนทำระบบบำบัดน้ำ เพราะงบประมาณของ อบต.ไม่เพียงพอ โดยในปีนี้ มีนักท่องเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกปีเฉลี่ย วันละไม่ต่ำกว่า 2,500-3,000 คน ความต้องการใช้น้ำจึงมีมากขึ้นหลายเท่าตัว
คาดว่าในช่วงเดือนเมษายนนี้ คงจะต้องสั่งน้ำจากฝั่งจังหวัดภูเก็ตเช่นเคยในราคาลูกบาศก์เมตรละ 250-300 บาท แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ค่าขนส่งจะแพงกว่าค่าน้ำหลายเท่าตัว แต่ผู้ประกอบการก็ต้องยอมรับสภาพ ส่วนน้ำดื่มก็ต้องยอมรับว่าแพงกว่าบนฝั่ง 2-3 เท่า โดยน้ำถังขนาด 20 ลิตร ราคาถังละ 25-30 บาท เพราะมีการปรับราคาขึ้นมาจากภาวะค่าแรงที่เพิ่มขึ้น