ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจกะทู้ออกประกาศเตือนผู้ประกอบการโรงแรม เกสต์เฮาส์ เฝ้าระวังคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยวตามห้องพัก ขณะที่ล่าสุด เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียถูกผู้ชายชาวเอเชียเข้าไปลักตู้เซฟภายในห้องพัก ได้ทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก
พ.ต.ท.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรกะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกะทู้ ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวบ่อยครั้งว่า มีคนร้ายเข้าไปก่อเหตุขโมยทรัพย์สินภายในห้องพักตามโรงแรมต่างๆ แล้วหลบหนีไป ซึ่งขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน โดยพฤติกรรมของคนร้ายจะเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยวตามห้องพัก และตู้นิรภัยของโรงแรม หลังจากก่อเหตุแล้วจะหลบหนีไป
และเพื่อป้องกันเหตุร้ายดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจป่าตองได้ทำหนังสือแจ้งไปยังนายกสมาคมโรงแรมป่าตอง ผู้ประกอบการโรงแรม และเกสต์เฮาส์ต่างๆ ในพื้นที่ให้เฝ้าระวังบุคคลที่จะเข้าไปก่อเหตุ หากพบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรกะทู้ เข้าตรวจสอบทันที โดยแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-7634-2769
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 มี.ค.56 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกะทู้ ได้รับแจ้งจาก นายนิโคลลัส อิกอ อายุ 29 ปี นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ว่า มีเหตุคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในห้องพักที่โรงแรม เลขที่ 40 ถ.ทวีวงศ์ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีทรัพย์สินสูญหายไปหลายรายการ เช่น โทรศัพท์มือถือแอลจี เงินสดสกุลต่างประเทศ เลนส์กล้องถ่ายรูป ต่างหูเงิน นาฬิกา
หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.จงเสริม ปรีชา (สบ 3) สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมศักดิ์ ทองเกลี้ย สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรกะทู้ นำกำลังชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบหาหลักฐาน และลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายภายในห้องพักของนักท่องเที่ยวที่เข้าแจ้งความ และจากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการงัดแงะที่บริเวณประตูห้องหรือกระจกสไลด์บริเวณระเบียงแต่อย่างใด ภายในห้องไม่พบการรื้อค้นทรัพย์สิน แต่เมื่อเปิดเซฟที่ติดตั้งอยู่ปลายเตียงนอน ปรากฏว่า ทรัพย์สินที่นักท่องเที่ยวเก็บไว้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ซึ่งในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมแล้ว พบว่า มีชายชาวต่างชาติ อายุระหว่าง 25-30 ปี สูงประมาณ 180-185 ซม.สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา นุ่งกางเกงขาสั้นสีเทา ใส่แว่นตากันแดดมีพฤติกรรมน่าสงสัย เข้ามาในโรงแรมประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะออกไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสีดำ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวมาสอบสวนต่อไป
พ.ต.ท.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรกะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกะทู้ ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวบ่อยครั้งว่า มีคนร้ายเข้าไปก่อเหตุขโมยทรัพย์สินภายในห้องพักตามโรงแรมต่างๆ แล้วหลบหนีไป ซึ่งขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน โดยพฤติกรรมของคนร้ายจะเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยวตามห้องพัก และตู้นิรภัยของโรงแรม หลังจากก่อเหตุแล้วจะหลบหนีไป
และเพื่อป้องกันเหตุร้ายดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจป่าตองได้ทำหนังสือแจ้งไปยังนายกสมาคมโรงแรมป่าตอง ผู้ประกอบการโรงแรม และเกสต์เฮาส์ต่างๆ ในพื้นที่ให้เฝ้าระวังบุคคลที่จะเข้าไปก่อเหตุ หากพบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรกะทู้ เข้าตรวจสอบทันที โดยแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-7634-2769
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 มี.ค.56 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรกะทู้ ได้รับแจ้งจาก นายนิโคลลัส อิกอ อายุ 29 ปี นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ว่า มีเหตุคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในห้องพักที่โรงแรม เลขที่ 40 ถ.ทวีวงศ์ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีทรัพย์สินสูญหายไปหลายรายการ เช่น โทรศัพท์มือถือแอลจี เงินสดสกุลต่างประเทศ เลนส์กล้องถ่ายรูป ต่างหูเงิน นาฬิกา
หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.จงเสริม ปรีชา (สบ 3) สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมศักดิ์ ทองเกลี้ย สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรกะทู้ นำกำลังชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบหาหลักฐาน และลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายภายในห้องพักของนักท่องเที่ยวที่เข้าแจ้งความ และจากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยการงัดแงะที่บริเวณประตูห้องหรือกระจกสไลด์บริเวณระเบียงแต่อย่างใด ภายในห้องไม่พบการรื้อค้นทรัพย์สิน แต่เมื่อเปิดเซฟที่ติดตั้งอยู่ปลายเตียงนอน ปรากฏว่า ทรัพย์สินที่นักท่องเที่ยวเก็บไว้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ซึ่งในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมแล้ว พบว่า มีชายชาวต่างชาติ อายุระหว่าง 25-30 ปี สูงประมาณ 180-185 ซม.สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเทา นุ่งกางเกงขาสั้นสีเทา ใส่แว่นตากันแดดมีพฤติกรรมน่าสงสัย เข้ามาในโรงแรมประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะออกไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางสีดำ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวมาสอบสวนต่อไป