“มะอัสมีน อาแว” ย่องเงียบพบ ตร.รับข้อหาใช้ประทัดยักษ์ชิงทองร้านทองยะลา

ยะลา - นายมะอัสมีน อาแว ย่องเงียบเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจยะลา เพื่อมอบตัว และรับทราบข้อกล่าวหาใช้ประทัดยักษ์ชิงทองร้านทองยะลา เจ้าหน้าที่นำตัวทำแผนประกอบรับคำสารภาพ เร่งสอบมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบหรือไม่

เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (11 มี.ค.) ที่บริเวณร้านทองซังเต้ง 2 เลขที่ 4 ถนนรถไฟ เขตเทศบาลนครยะลา ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ยะลา พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองยะลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ตำรวจ สภ.เมือง ยะลา ได้นำตัวนายมะอัสมีน อาแว หนึ่งในคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทองร้านทองซังเต้ง 2 ร่วมกับนายบาฮารง หะมะ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/10 ม.4 ต.ปะโด อ.มายอ จ.ปัตตานี และนายมะรอพี หาแว อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/4 ม.4 ต.ปะโด อ.มายอ จ.ยะลา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ในกรณีที่ได้ก่อเหตุนำประทัดยักษ์ไปวางบนตู้กระจกภายในร้านทองซังเต้ง 2 เลขที่ 4 ถนนรถไฟ เขตเทศบาลนครยะลา แล้วเกิดระเบิดขึ้น ก่อนจะเข้าไปหยิบทองคำภายในตู้ หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.20 น. ของวันที่ 5 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา

โดยการทำแผนครั้งนี้ เริ่มต้นจากซอยเลิศปัญญาเขตตลาดเก่ายะลา ร้านทองซังเต้ง 2 ซึ่งนายมะอัสมีน เป็นคนนำระเบิดไปวางบนตู้กระจก ก่อนจะหยิบทองซ้อนรถจักรยานยนต์หลบหนีไปยังหน้าโคลีเซี่ยมยะลา ซึ่งการทำแผนครั้งนี้มีประชาชนมามุงดูเป็นจำนวนมาก

นายสมศักดิ์ พงศ์พันธ์ไพศาล เจ้าของร้านทองซังเต้ง 2 กล่าวว่า ดีใจที่ทางเจ้าหน้าที่จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ แต่ทองที่คนร้ายหยิบไป จำนวน 38 เส้น น้ำหนัก 20 บาท คิดเป็นเงินเกือบ 5 แสนบาท ก็ไม่รู้ว่าจะได้คืนสักเท่าใด ต้องแล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะตามคืนมาได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากทางร้านไม่มีการทำประกันไว้

สำหรับการทำแผนครั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 ราย ซึ่งนายบาฮารง ให้การรับสารภาพว่า เป็นเจ้าของรถคันที่ใช้ก่อเหตุ และนายมะรอพี ให้การยอมรับว่า เป็นคนขับขี่จักรยานยนต์ ทะเบียน ขงว 692 นราธิวาส โดยมีนายบาฮารง เป็นผู้ซ้อนท้าย และมีการนัดหมายนายมะอัสมีน อาแว เป็นผู้นำเอาระเบิดไปวางไว้ในร้านดังกล่าว

ซึ่งในช่วงเช้าของวันนี้ (11 มี.ค.) นายมะอัสมีน อาแว ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับไปเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้ปกครองได้นำตัวเดินทางพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ ภจ.ว.ยะลา เพื่อมอบตัว และรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการสอบปากคำเพิ่มเติมถึงสาเหตุการก่อเหตุในครั้งนี้ว่าจะมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบ หรือกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่มีอยู่ในพื้นที่หรือไม่