นราธิวาส - ชาวนราธิวาสทั้งหญิง และชายรวมกว่า 1,000 คน จัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อกระตุ้นให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือกับทางการในการแก้ไขปัญหาไฟใต้ โดยเฉพาะการเจรจาสันติ และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่หลงผิดเข้ารายงานตัวตามมาตรา 21
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (9 มี.ค.) ที่อาคารหอประชุมบรมราชกุมารี สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส กลุ่มตัวแทนพลังมวลชนทั้งชาย และหญิงในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส จำนวนกว่า 1,000 คน ได้รวมตัวกันถือธงชาติ และป้ายผ้าเขียนข้อความเป็นภาษาไทย เดินรณรงค์เพื่อต่อต้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อกระตุ้นให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือกับทางการในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่กองกำลัง และประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตไปกับสถานการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดระยะเวลากว่า 9 ปี แล้วจำนวนกว่า 5,500 คน และได้รับบาดเจ็บกว่า 8,900 คน
โดยกิจกรรมการรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในครั้งนี้ มีนายสามารถ วราดิศัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พล.ต.ต.วิชัย เกษมวงศ์ ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผบ.ฉก.นราธิวาส น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผบ.ฉก.นย.ภาคใต้ และนายซาฟาอี เจ๊ะเลาะ ประธานคณะกรรมการอิสลาม จ.นราธิวาส ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยาน และบรรยายพิเศษในเรื่องของความไม่สงบที่เกิดขึ้น ซึ่งกลุ่มคนร้ายใช้หลักคำสอนของศาสนามาบิดเบือน รวมทั้งปลุกระดมด้วยข้อกฎหมาย และความไม่ทัดเทียมกันในสังคม มาชวนเชื่อให้ผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ต่อต้านการทำงานของภาครัฐ รวมถึงการพูดคุยเชิญชวนให้พลังมวลชนเป็นตัวแทนภาครัฐในการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่หลงผิดเข้ารายงานตัวตามมาตรา 21 ซึ่งทางการจะอำนวยความสะดวก และให้ความเป็นธรรม
นอกจากนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า การรวมตัวของพลังมวลชนในครั้งนี้ ตัวแทนของพลังมวลชนได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่เข้าร่วมกิจกรรมบางนาย เกี่ยวกับการร่วมลงนามข้อตกลงที่จะพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อนำไปสู่สันติสุข ระหว่าง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. กับ นายฮัสซัน ตอยิบ หรือนายอาแซ เจ๊ะหลง รองเลขาธิการกลุ่มบีอาร์เอ็น โดยมี พล.อ.ตันสรีดาโต๊ะสรี บินโมฮัมเหม็ด ซิน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดประเทศมาเลเซีย เป็นสักขีพยานนั้น แต่ปรากฏว่า เหตุการณ์ภาคใต้ยังไม่สงบ
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร กล่าวสั้นๆ กับตัวแทนพลังมวลชนว่า มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องมีการพูดคุย และเจรจากันของผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ภาคใต้สงบโดยเร็วคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ขอฝากเตือนอย่าให้พี่น้องประชาชนตื่นตระหนกในเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องระดับประเทศที่ทุกฝ่ายต้องหาข้อยุติ แต่ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้อย่าได้นำเรื่องดังกล่าวไปพูดคุยขยายความจนกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่
ด้านนายกอรี เปาะดำ ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.กูแบบาเดาะ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กล่าวว่า ตนเพิ่งมาร่วมกิจกรรมยุติความรุนแรงครั้งแรก ยอมรับว่าเป็นกิจกรรมที่ดีในการที่ให้ทุกภาคส่วนเข้าร่วมแสดงเจตนารมณ์ไม่เอาความรุนแรงทุกรูปแบบ แต่อาจจะยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ซึ่งรัฐจะต้องสนับสนุนเพื่อให้ประชาชนเข้ามีส่วนร่วมมากขึ้น และต้องทำต่อเนื่อง อย่ากลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าไม่ทำจะแย่ ทุกคนจะอยู่ในความมืด และอาจถูกอำนาจมืดใช้เป็นเครื่องมือทั้งทางตรง และทางอ้อมไม่มีที่สิ้นสุด
ขณะที่นายมะหะมะรอสซี สามุ ชาวบ้านในพื้นที่ระแงะที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ กล่าวว่า เบื่อสถานการณ์ภาคใต้มาก มีแต่บาดเจ็บล้มตายรายวัน มันคือความเจ็บปวด เรื้อรังมานานมาก ถ้าเป็นไปได้อยากวอนไปยังผู้ที่นิยมความรุนแรงให้หยุดการกระทำ และหันหน้ามาสู่กระบวนการเจรจาสันติภาพ ผู้หลงผิดรัฐก็ให้โอกาสรายงานตัว มันยังไม่สายเกินไปที่เราทุกคนจะร่วมพัฒนาบ้านเราเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข