นครศรีธรรมราช - ทลายขบวนการโจรกรรมรถยนต์ชำแหละอะไหล่ส่งขายข้ามชาติ พบ 10 คันรอชำแหละ ซากอีกร่วมร้อย ซ้ำพัวพันคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดใต้ เผยอีซูซุฮิตใช้เวลาโจรกรรมเพียง 18 วินาที
เมื่อเวลา 16.30 น. วันนี้ (7 มี.ค.) พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้รับการประสานงานจาก พ.ต.อ.คำรณ ยอดรักษ์ รอง ผกก.สส.ภ.9 ขอกำลังเข้าตรวจค้นแหล่งชำแหละรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมาจากภาคใต้รายใหญ่ หลังจากนั้น จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.หน.ชุดปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และกำลังเจ้าหน้าที่อีกหลายสิบนายเข้าร่วมทันที
โดยเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมจู่โจมเข้าตรวจค้นอู่ซ่อมรถยนต์อิทธิยนตรการ ริมถนนสายนครศรีธรรมราช-ท่าศาลา หมู่ 14 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช และคุมตัวนายอุเทน หรือบังเหด ดำฤทธิ์ อายุ 38 ปี อดีต ส.อบต. หมู่ 14 ท่าศาลา ไว้ได้ในสภาพหน้าซีดเผือด จากนั้นจึงเข้าทำการตรวจยึดรถยนต์ และซากรถยนต์ ซึ่งมีทั้งตัวถัง แชสซีส์ และชิ้นส่วนต่างๆ ประมาณการจากชิ้นส่วนพบว่า มาจากรถยนต์หลายสิบคัน หรืออาจมากกว่า 100 คัน
นอกจากนั้น ยังพบป้ายทะเบียนรถยนต์จากจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะจากภาคใต้ตอนล่าง มากกว่า 30 แผ่น และเจ้าหน้าที่ยังตรวจปัสสาวะของนายอุเทนด้วย พบว่ามีการเสพสารเสพติด ซึ่งเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่า ติดยาเสพติดงอมแงม และเพิ่งเสพไปจนหมดก่อนที่เจ้าหน้าที่มาถึงได้ไม่นาน
พ.ต.อ.คำรณ ยอดรักษ์ รอง ผบก.สส.ภ.9 เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายอนันต์ นิลยะปา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 222 ม.4 ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง หัวหน้าขบวนการโจรกรรมรถยนต์รายใหญ่ในภาคใต้ โดยก่อเหตุมาแล้วหลายจังหวัด และอยู่ในระหว่างการประกันตัวหลังจากจับกุมดำเนินคดีอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง และไปก่อเหตุที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จนถูกจับกุมไว้ได้
และเมื่อสอบสวนขยายผล นายอนันต์ ได้สารภาพว่า นำรถยนต์ที่โจรกรรมมาส่งขายให้แก่นายอุเทน ซึ่งเป็นแหล่งรับซื้อชำแหละรายใหญ่ที่ จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุมพร้อมของกลางจำนวนมาก ส่วนเวลาในการโจรกรรมนั้น รถยนต์อีซูซุจะเป็นยี่ห้อที่คนร้ายก่อเหตุง่ายที่สุด ใช้เวลาเพียง 18 วินาที ก็สามารถขึ้นสตาร์ทเครื่องขับหลบหนีไปได้เลย
ส่วนนายอุเทน ดำฤทธิ์ หรือบังเหด ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า ได้รับซื้อรถยนต์จากนายอนันต์จริง ในราคาคันละ 6-8 หมื่นบาทเท่านั้น และทำมานานแล้ว หลังจากนั้น จะนำมาชำแหละแยกชิ้นส่วน โดยเครื่องยนต์นั้นส่งขายไปยัง จ.ระนอง เพื่อส่งต่อไปยังประเทศพม่า ส่วนตัวถัง และแชสซีส์นั้นจะตัดเอาเลขตัวถัง และเลขแชสซีส์ทิ้ง ก่อนเชื่อมต่อใหม่ขายโดยทั่วไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบข้อมูลว่า ขบวนการค้ารถยนต์โจรกรรมรายนี้มีเครือข่ายที่ใหญ่มากในภาคใต้ตอนล่าง และโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดภาคใต้ โดยจะมีการโจรกรรมจากจังหวัดหนึ่งแล้วนำไปขายในจังหวัดภาคใต้ตอนบน เพื่อแยกชิ้นส่วน หรือตัดต่อเลขแชสซีส์ และตัวถังใหม่ หรือเรียกว่าวิธีการครอบทะเบียนขายเป็นคันใหม่ ขณะเดียวกัน ในการสืบสวนนั้นพบว่า มีการโจรกรรมใน 3 จังหวัดภาคใต้แล้วนำส่งขายให้แก่ขบวนการนำไปก่อเหตุ เช่น โจรกรรมจาก จ.นราธิวาส จะไปก่อเหตุใน จ.ปัตตานี เป็นต้น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนขยายผลจนพบ และเตรียมดำเนินคดีด้านความมั่นคงอีกด้วย ส่วนหลักฐาน เช่น แผ่นป้ายทะเบียน ตัวเลขแชสซีส์ และตัวถังต่างๆ นั้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึด และแกะรอยเพื่อแจ้งให้เจ้าของทราบ รวมทั้งเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อขบวนการรายนี้ต่อไป
