ตำรวจภูเก็ตสั่งจัดระเบียบ ยกระดับดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวและประชาชน

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจเตรียมยกระดับโครงการเซฟตี้โซน หลังประสบความสำเร็จ ลดอาชญากรรมตามเมืองต่างๆ พร้อมเพิ่มกำลังพลกว่า 200 นาย รองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนปัญหายาเสพติด สั่งเร่งป้องกันตามโรงเรียนและมัสยิด หวังดึงประชาชนรู้เท่าทันพิษภัย

วันนี้ (3 มี.ค.) พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวถึงมาตรการด้านความปลอดภัยสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ว่าจากโครงการที่ทางตำรวจดำเนินการไปแล้ว คือ เรื่องเซฟตี้โซน การจัดพื้นที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตามจุดล่อแหลมต่างๆ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2555 โดยมี สภ.กะทู้ เป็นโครงการนำร่อง และต่อมาได้มีการขยาย ขณะนี้ได้มีการทำเซฟตี้โซนทุกโรงพัก เดิมรวบรวมไว้ทั้งหมด 25 โซน เพราะที่ สภ.กะทู้ เดิม 6 และมีประชาชนไปเรียกร้องเพิ่มอีกโซนที่หาดกะหลิม ก็จะเป็น 7 โซน เพราะฉะนั้นโรงพักเล็กก็จะมี 1 โซน โรงพักใหญ่มี 2 โซน

ทั้งนี้ โครงการนี้ดังกล่าวเป็นที่พึงพอใจของประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเซฟตี้โซนเป็นลักษณะการทำงานร่วมกันของประชาชนในการเฝ้าระวังอาชญากรรม มีประชาชนมาเรียกร้องขอเพิ่มโซนต่อผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ที่บริเวณซอยตาเอียด พื้นที่เขตตำบลฉลอง ตอนนี้ก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว

การดำเนินการโครงการภูเก็ตเซฟตี้โซนนั้นเป็นรูปแบบของการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนมาร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมให้ข้อมูลข่าวสาร เฝ้าระมัดระวังอาชญากรรม และรวมทั้งใช้เทคโนโลยีกล้องวงจรปิด โดยภาคเอกชนหรือภาคประชาชนให้ความร่วมมือในการติดตั้ง และปรับมุมกล้องเพื่อลดอาชญากรรม ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการลดอาชญากรรมที่ดี ก็จะส่งเสริมไปเรื่อยๆ เนื่องจากว่าขณะนี้กำลังตำรวจมีจำนวนจำกัด และไม่มีการเพิ่มกำลัง เพราะฉะนั้นเราต้องอาศัยภาคส่วนประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา

พ.ต.อ.ศักดิ์ชัยกล่าวต่อว่า อีกส่วนหนึ่งคือในเรื่องของการแก้ไขปัญหายาเสพติดของจังหวัดภูเก็ต ที่มีการแพร่ระบาดนั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่เป็นรายสำคัญ เป็นผู้เสพหรือผู้ค้ารายย่อย ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาไม่ได้เป็นการปราบปรามอย่างเดียว ต้องมีแนวทางในการป้องกัน โดยการอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาชนได้จัดทำโครงการมัสยิดต่อต้านยาเสพติด “เทิดไท้องค์ราชัน 84 พรรษา” ซึ่งทางตำรวจภูธรได้ดำเนินการไปแล้ว 1 โครงการที่มัสยิดบ้านบ่อแร่ ต.วิชิต อ.เมือง เมื่อวันที่ 18-26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการ 68 คน ทั้งนี้ในโครงการดังกล่าวได้ดึงหลายภาคส่วนเข้ามาดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ฝ่ายสาธารณสุข เข้าไปทำความเข้าใจให้ความรู้ หาแนวทางในการป้องกัน และการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อป้องกันเรื่องของปัญหายาเสพติด และโครงการนี้เราก็จะขยายไปยังมัสยิดอื่นๆ อย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งในจังหวัดภูเก็ตมีทั้งหมด 51 มัสยิด เข้าโครงการแล้ว 20 มัสยิด

รวมถึงยังมีโครงการการศึกษาเพื่อต่อต้านยาเสพติดในเด็กนักเรียน หรือโครงการครูแดร์ ซึ่งเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างตำรวจ โรงเรียน และชุมชนในพื้นที่ ซึ่งโครงการนี้ในระดับภาครัฐบาลเองก็ให้ความสำคัญ โดยการจัดโครงการครูแดร์ของประเทศ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ก็จะเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ไปเปิดโครงการ ส่วนจังหวัดภูเก็ตก็มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปอบรมครูแดร์ ทั้งหมด 20 นาย หลังจากนั้นในปัจจุบันทางตำรวจก็ลงไปดำเนินการตามสถานศึกษาต่างๆ เพื่อให้ความรู้ ให้นักเรียน นักศึกษาหลีกเลี่ยง ปฏิเสธจากยาเสพติด ก็คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่เราจะป้องกันเรื่องปัญหายาเสพติดได้ รวมถึงผลพวงที่จะไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม

นอกจากนี้แล้วในส่วนของนักท่องเที่ยวเมื่อเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ขณะนี้จากการที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ไม่ว่าจะเป็นขาเข้าหรือขาออกก็ประสบปัญหาความล่าช้าเนื่องจากขาดกำลังพล ขณะนี้ได้มีการเพิ่มกำลังพลมาแล้วเป็นจำนวน 200 กว่านาย เพราะฉะนั้น ที่สนามบินภูเก็ตตอนนี้ก็สามารถรองรับการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้อย่างพอเพียง ก็ได้รับคำชมเชยจากหลายฝ่ายว่าขณะนี้การเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวไม่ล่าช้าเหมือนเดิมแล้วเนื่องจากเรามีการเพิ่มกำลัง และจัดวิธีการจัดการรูปแบบใหม่ นอกจากนี้แล้วทางตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตให้ตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย ได้ดำเนินการจัดระเบียบที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ดูแลเรื่องของการจัดระเบียบรถแท็กซี่ เรื่องของการรบกวนแขก เรื่องการหลอกลวงนักท่องเที่ยว จัดกำลังไปประจำ สอดส่องดูแล รวมถึงการตั้งจุดตรวจรถแท็กซี่ป้ายดำต่างๆ เพื่อให้เข้าสู่ระบบตามนโยบายของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ผลการปฏิบัติก็เป็นที่น่าพึงพอใจในส่วนหนึ่ง

พร้อมกันนี้ในเส้นทางต่างๆ ทุกโรงพักก็จะมีการตั้งจุดตรวจ การป้องกันอาชญากรรมเรามีการวางแผนในการป้องกัน โดยการตั้งจุดสกัดและในการปราบปราม เมื่อเกิดเหตุเรามีแผนในการสกัดจับ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ ในเรื่องของร้านสะดวกซื้อ ร้านทอง ประชาสัมพันธ์ถึงโรงแรม คิดว่าจะเป็นมาตรการที่จะช่วยดูแลนักท่องเที่ยวได้