กระบี่ - สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวกระบี่ ชี้อุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เก็บค่าผ่านท่าเรือนักท่องเที่ยวเรือสำราญ ในเขตอุทยานฯ ไม่แจ้งล่วงหน้า ส่อทำ นทท.ย้ายฐาน
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่ทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งโต๊ะจัดเก็บค่าเข้าชมอุทยานฯ จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในราคาผู้ใหญ่ 200 บาท และเด็ก 100 บาท ที่เดินทางมากับเรือสำราญ จากรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย และจอดลอยลำอยู่หน้าหาดอ่าวนาง เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของอ่าวนาง และจังหวัดกระบี่ เป็นเวลา 1 วัน โดยมีการขนถ่ายนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งบริเวณท่าเรือท่องเที่ยว หลังสำนักงานอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ม.5 ต.อ่าวนาง อ.เมือง
นายอิทธิฤทธิ์ กล่าวว่า การจัดเก็บค่าเข้าชมอุทยานฯ ของอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี บริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวหลังสำนักงานอุทยานหาดนพรัตน์ธาราฯ ถึงแม้ว่าอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จัดเก็บค่าเข้าอุทยานฯ จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยเรือสำราญ โดยอ้างว่า นักท่องเที่ยวผ่านเข้ามาในเขตอุทยานหาดนพรัตน์ธาราฯจึงต้องเก็บเงินค่าเข้าอุทยานฯ นั้น ควรจะมีการประกาศ หรือแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า เพราะอยู่ๆ ตั้งโต๊ะจัดเก็บเงินเลยสร้างความสับสนให้แก่นักท่องเที่ยวพอสมควร เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเพียงแต่ใช้ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานฯ เป็นทางผ่านเดินทางไปที่อื่น โดยไม่ได้เข้าไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวของอุทยานฯ เลยก็มี
“การจัดเก็บเงินจากผู้ประกอบการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า นอกจากสร้างความสับสนให้แก่นักท่องเที่ยวแล้ว ก็เชื่อว่าทางผู้ประกอบการเองก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่ผู้ประกอบการจะย้ายฐานนำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายผ่านท่าเทียบเรือในเขตอุทยานฯ ซึ่งมีหลายแห่งที่ต้องการให้ผู้ประกอบเรือสำราญไปจอดลอยลำ เพราะนั่นหมายถึงรายได้ที่จะกระจายในพื้นที่ เนื่องจากเรือสำราญลำนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วม 1 พันคน ในแต่ละเที่ยวของทุกวันอังคาร รวม 4 เที่ยว/เดือน เงินสะพัด ร่วม 20 ล้านบาท” นายอิทธิฤทธิ์กล่าวและว่า
ที่ผ่านมา ทางสามคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ สมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ ททท.สำนักงานกระบี่ และจังหวัดกระบี่ ได้ออกทำตลาดทั้งใน และนอกประเทศดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ซึ่งทางอุทยานฯ ที่มีพื้นที่ท่องเที่ยวอยู่ในความดูแลเป็นส่วนใหญ่ ควรจะมีนโยบายให้ชัดเจน และหากว่ามีการเก็บเงินค่าผ่านท่าเรือก็ควรแจ้งให้ทราบด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ตัดสินใจว่าจะเดินทางมาหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว และรักษาฐานตลาดนักท่องเที่ยวเดิมไว้ให้มาท่องเที่ยวกระบี่นานๆ
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่ทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งโต๊ะจัดเก็บค่าเข้าชมอุทยานฯ จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในราคาผู้ใหญ่ 200 บาท และเด็ก 100 บาท ที่เดินทางมากับเรือสำราญ จากรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย และจอดลอยลำอยู่หน้าหาดอ่าวนาง เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของอ่าวนาง และจังหวัดกระบี่ เป็นเวลา 1 วัน โดยมีการขนถ่ายนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งบริเวณท่าเรือท่องเที่ยว หลังสำนักงานอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ม.5 ต.อ่าวนาง อ.เมือง
นายอิทธิฤทธิ์ กล่าวว่า การจัดเก็บค่าเข้าชมอุทยานฯ ของอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี บริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวหลังสำนักงานอุทยานหาดนพรัตน์ธาราฯ ถึงแม้ว่าอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จัดเก็บค่าเข้าอุทยานฯ จากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาโดยเรือสำราญ โดยอ้างว่า นักท่องเที่ยวผ่านเข้ามาในเขตอุทยานหาดนพรัตน์ธาราฯจึงต้องเก็บเงินค่าเข้าอุทยานฯ นั้น ควรจะมีการประกาศ หรือแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า เพราะอยู่ๆ ตั้งโต๊ะจัดเก็บเงินเลยสร้างความสับสนให้แก่นักท่องเที่ยวพอสมควร เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเพียงแต่ใช้ท่าเทียบเรือท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานฯ เป็นทางผ่านเดินทางไปที่อื่น โดยไม่ได้เข้าไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวของอุทยานฯ เลยก็มี
“การจัดเก็บเงินจากผู้ประกอบการโดยไม่แจ้งล่วงหน้า นอกจากสร้างความสับสนให้แก่นักท่องเที่ยวแล้ว ก็เชื่อว่าทางผู้ประกอบการเองก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่ผู้ประกอบการจะย้ายฐานนำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายผ่านท่าเทียบเรือในเขตอุทยานฯ ซึ่งมีหลายแห่งที่ต้องการให้ผู้ประกอบเรือสำราญไปจอดลอยลำ เพราะนั่นหมายถึงรายได้ที่จะกระจายในพื้นที่ เนื่องจากเรือสำราญลำนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วม 1 พันคน ในแต่ละเที่ยวของทุกวันอังคาร รวม 4 เที่ยว/เดือน เงินสะพัด ร่วม 20 ล้านบาท” นายอิทธิฤทธิ์กล่าวและว่า
ที่ผ่านมา ทางสามคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ สมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ ททท.สำนักงานกระบี่ และจังหวัดกระบี่ ได้ออกทำตลาดทั้งใน และนอกประเทศดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ซึ่งทางอุทยานฯ ที่มีพื้นที่ท่องเที่ยวอยู่ในความดูแลเป็นส่วนใหญ่ ควรจะมีนโยบายให้ชัดเจน และหากว่ามีการเก็บเงินค่าผ่านท่าเรือก็ควรแจ้งให้ทราบด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ตัดสินใจว่าจะเดินทางมาหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว และรักษาฐานตลาดนักท่องเที่ยวเดิมไว้ให้มาท่องเที่ยวกระบี่นานๆ
