ปัตตานี - ผู้ว่าฯ ปัตตานี เยี่ยมเหยื่อระเบิดอีก 4 ราย ซึ่งยังอยู่ห้อง ICU อีก 1 ราย ก่อนไปเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าของและพนักงานห้างไดอาน่าซูเปอร์มาร์เก็ต เผยแนวทางสันติสุขภาคประชาชนต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
เวลา 10.00 น. วันนี้ (18 ก.พ.) นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบ เดินทางมาที่โรงพยาบาลปัตตานี เพื่อเยี่ยมอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุลอบวางระเบิดที่วงเวียนหอนาฬิกา ต.สะบารัง อ.เมืองปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้เข้าไปดูอาการของ นายสมศักดิ์ แก้วมณี อายุ 32 ปี ซึ่งอาการสาหัสยังคงนอนพักรักษาตัวในห้องไอซียู เนื่องจากแพทย์ระบุว่า ผู้ป่วยมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่งที่หน้าอก และมีแผลฉีดขาดบริเวณเข่าทั้ง 2 ข้าง และยังมีเลือดออกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต้องเฝ้าดูอาการ และป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ
ขณะที่ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย นายวสันต์ จันทร์บุญธรรม อายุ 20 ปี มีบาดแผลที่หน้าอก น.ส.ซอปียะห์ เปาะจิ อายุ 31 ปี มีบาดแผลฉีกขาดที่หน้าผาก และ น.ส.กิ่งกาญจน์ มหาวรรณ อายุ 30 ปี มีบาดแผลฉีกขาดที่สะโพก และขาซ้าย ซึ่งทั้ง 3 ราย แพทย์ได้ให้พักอยู่ที่ห้องศัลยกรรมอุบัติเหตุ โดยมีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดยังได้มอบเงินเยียวยา และกระเช้าเยี่ยมอาการพร้อมให้กำลังใจที่จะดูแลอย่างเต็มที่
จากนั้นเดินทางไปตรวจดูความเสียหายที่ห้างไดอาน่า ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ถูกเพลิงไหม้เสียหาย ซึ่งก็ได้ให้กำลังใจแก่เจ้าของ และพนักงานที่มาทำความสะอาด
นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า 9 ปี ที่ผ่านมา ประชาชนและกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงก็คือลูกหลานด้วยกัน ฉะนั้น ทำอย่างไรที่จะหาแนวทางที่จะให้พื้นที่เกิดความสันติสุขเหมือนอดีตที่ผ่านมา เพราะฉะนั้น ตนคิดว่ายุทธศาสตร์พระราชทานที่สำคัญที่ควรนำมาใช้คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรที่จะให้ยุทธศาสตร์เหล่านั้นนำไปสู่การปฏิบัติที่เห็นผลเป็นรูปธรรม ประชาชนเชื่อเหลือเกินว่า หากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันเข้าใจกัน ประชาชนก็จะเข้าใจเจ้าหน้าที่มากขึ้น
วันนี้ตนคิดว่าแนวทางในการที่จะนำสันติสุขให้เกิดขึ้นนั้น ปัตตานีเราทำเรื่องยุทธศาสตร์ในเรื่องการสร้างพลังของคนปัตตานีนำพื้นที่สู่สันติสุข ตนคิดว่าการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในวันนี้ แม้เหตุการณ์ยังคงมีอยู่ยังไม่ยุติ แต่ถ้าเราได้มีการตั้งแนวทางที่เหมาะสม และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ทั้งคนพื้นที่เมือง เขตพื้นที่รอบนอก และผู้นำสี่เสาหลัก เข้ามามีบทบาทในการดูแลพื้นที่ และสร้างความเข้าใจร่วมกับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็จะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด อย่าไปกลั่นแกล้ง ต้องให้ความเป็นธรรม เปิดพื้นที่ในการพูดคุยน่าจะเป็นแนวทางในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นได้
