นราธิวาส - กองพิสูจน์หลักฐานตรวจรถยนต์กระบะหลังถูกตำรวจรือเสาะรวบ พร้อมผู้ต้องสงสัย 3 คน นำตัวสอบเครียดที่ฐานวังพญา พบ 1 ใน 3 เป็นน้องชาย “บูรฮัน เจ๊ะนะ” ซึ่งถูกวิสามัญที่ อ.ศรีสาคร
วันนี้ (14 ก.พ.) พ.ต.อ.จันที แจ่มจันทร์ นักวิทยาศาสตร์ (สบ 4) กลุ่มงานตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ได้เดินทางมาตรวจสอบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บฉ 5999 ปัตตานี ที่จอดไว้ที่ สภ.รือเสาะ หลังจากที่ ร.ต.ต.อยุวะ ศิริพรประสิทธิ์ รอง สวป.ปฏิบัติหน้าที่ หน.จราจร สภ.รือเสาะ และพวกรวม 6 นาย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไล่จับกุมได้ที่บริเวณสามแยกหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขา อ.รือเสาะ เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ
หลังพบว่า รถยนต์กระบะคันดังกล่าวมีชายฉกรรจ์ จำนวน 3 คน ได้นั่งโดยสารผ่านมา ซึ่งที่บริเวณประตูด้านซ้ายหน้ามีคราบเลือดจำนวนหนึ่งติดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน พร้อมรถยนต์กระบะมาสอบสวนในเบื้องต้นที่ สภ.รือเสาะ ซึ่งการตรวจพิสูจน์ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เก็บคราบลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอ และคราบเลือดที่ติดอยู่ข้างประตูรถยนต์กระบะไปตรวจสอบตามหลักวิทยาศาสตร์
โดยผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ประกอบด้วย 1.นายฟาเดร์ เจ๊ะมะ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 ม.7 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นคนขับ 2.นายอาลีย๊ะ ลาเต๊ะ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 ม.6 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และ 3.นายมูฮัมหมัดกาดาพี เจ๊ะนะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.4 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงใช้กฎอัยการศึกในการควบคุมตัวไปสอบสวนที่ฐานปฏิบัติการทหารกรมทหารพรานที่ 41 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา ว่าเกี่ยวข้องกับกรณีที่ขับรถยนต์คันดังกล่าวนำผู้ได้รับบาดเจ็บหลบหนีจากเหตุบุกยิงถล่มฐานปฏิบัติการทหารกองร้อยปืนเล็กที่ 2 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงคืนของวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมาหรือไม่
โดยในเบื้องต้น จากการตรวจประวัตินายมูฮัมหมัดกาดาพี เป็นน้องชายของนายบูรฮัน เจ๊ะนะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.4 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่บ้านตามุง ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส พร้อมยึดอาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก แต่ผลการสอบสวนเจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเผย แต่หากพบว่าไม่เกี่ยวข้อง และพัวพันเจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวก่อนจัดทำประวัติไว้
นอกจากนี้ จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญโจรใต้เสียชีวิต 16 ราย ขณะบุกโจมตีฐานปฏิบัติการกองร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งตั้งอยู่บ้านยือลอ ม.3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์โปรยใบปลิวที่เขียนข้อความภาษาไทยในกระดาษ A4 และสำเนาตระเวนโปรยในพื้นที่ อ.บาเจาะ ซึ่งในข้อความระบุว่า ทารุณ จับกุม ข่มขู่ ยัดเยียด ทรมาน และวิสามัญผู้บริสุทธิ์ ในภาวะขัดขืนการจับกุมด้วยการสร้างภาพ และตีข่าว (การฆ่าผู้บริสุทธิ์ให้ดูดี)
โดยย่อหน้าที่ 2 ได้เขียนข้อความภาษาไทยอีกด้วยว่า วันนี้เราจะไม่นิ่งนอนใจ เราจะทำการตอบโต้ทุกรูปแบบด้วยกำลังความพร้อมทางอาวุธ กำลังทรัพย์ และทุกมวลชน เพื่อทุกความเจ็บปวดทุกหยดเลือด ทุกชีวิต ที่เกิดจากความรุนแรงของรัฐทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นวันนี้ และจากนี้ และลมหายใจที่ประชาชน ครู อาจารย์ ชุมชนไทยพุทธพวกมันเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนใช้เส้นทางถนน ชีวิตประจำวัน คุ้มกันอย่างไรก็ตาม เราจะปลิดชีพมัน และทวงคืนทุกชีวิตที่เราสูญเสียไป
อีกทั้ง ในใบปลิวประโยคสุดท้ายยังเขียนข้อความในวงเล็บอีกด้วยว่า หยดเลือดมุสลิมผู้บริสุทธิ์มีค่ามากกว่าไทยพุทธเป็น 10 เท่า ส่งผลทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เกิดความหวาดกลัว และไม่แน่ใจว่าใบปลิวดังกล่าวเป็นของกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือไม่ จึงได้มีการถ่ายข้อความในใบปลิวส่งแชร์กันทางเฟซบุ๊ก เพื่อให้ทุกคนอย่าตั้งอยู่ในความประมาทในการป้องกันเหตุร้ายอาจจะเกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ต่อไป
วันนี้ (14 ก.พ.) พ.ต.อ.จันที แจ่มจันทร์ นักวิทยาศาสตร์ (สบ 4) กลุ่มงานตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ได้เดินทางมาตรวจสอบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บฉ 5999 ปัตตานี ที่จอดไว้ที่ สภ.รือเสาะ หลังจากที่ ร.ต.ต.อยุวะ ศิริพรประสิทธิ์ รอง สวป.ปฏิบัติหน้าที่ หน.จราจร สภ.รือเสาะ และพวกรวม 6 นาย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไล่จับกุมได้ที่บริเวณสามแยกหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขา อ.รือเสาะ เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ
หลังพบว่า รถยนต์กระบะคันดังกล่าวมีชายฉกรรจ์ จำนวน 3 คน ได้นั่งโดยสารผ่านมา ซึ่งที่บริเวณประตูด้านซ้ายหน้ามีคราบเลือดจำนวนหนึ่งติดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน พร้อมรถยนต์กระบะมาสอบสวนในเบื้องต้นที่ สภ.รือเสาะ ซึ่งการตรวจพิสูจน์ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เก็บคราบลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอ และคราบเลือดที่ติดอยู่ข้างประตูรถยนต์กระบะไปตรวจสอบตามหลักวิทยาศาสตร์
โดยผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ประกอบด้วย 1.นายฟาเดร์ เจ๊ะมะ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 ม.7 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นคนขับ 2.นายอาลีย๊ะ ลาเต๊ะ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 ม.6 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และ 3.นายมูฮัมหมัดกาดาพี เจ๊ะนะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.4 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงใช้กฎอัยการศึกในการควบคุมตัวไปสอบสวนที่ฐานปฏิบัติการทหารกรมทหารพรานที่ 41 ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา ว่าเกี่ยวข้องกับกรณีที่ขับรถยนต์คันดังกล่าวนำผู้ได้รับบาดเจ็บหลบหนีจากเหตุบุกยิงถล่มฐานปฏิบัติการทหารกองร้อยปืนเล็กที่ 2 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงคืนของวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมาหรือไม่
โดยในเบื้องต้น จากการตรวจประวัตินายมูฮัมหมัดกาดาพี เป็นน้องชายของนายบูรฮัน เจ๊ะนะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.4 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่บ้านตามุง ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส พร้อมยึดอาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก แต่ผลการสอบสวนเจ้าหน้าที่ยังไม่เปิดเผย แต่หากพบว่าไม่เกี่ยวข้อง และพัวพันเจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวก่อนจัดทำประวัติไว้
นอกจากนี้ จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารวิสามัญโจรใต้เสียชีวิต 16 ราย ขณะบุกโจมตีฐานปฏิบัติการกองร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งตั้งอยู่บ้านยือลอ ม.3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์โปรยใบปลิวที่เขียนข้อความภาษาไทยในกระดาษ A4 และสำเนาตระเวนโปรยในพื้นที่ อ.บาเจาะ ซึ่งในข้อความระบุว่า ทารุณ จับกุม ข่มขู่ ยัดเยียด ทรมาน และวิสามัญผู้บริสุทธิ์ ในภาวะขัดขืนการจับกุมด้วยการสร้างภาพ และตีข่าว (การฆ่าผู้บริสุทธิ์ให้ดูดี)
โดยย่อหน้าที่ 2 ได้เขียนข้อความภาษาไทยอีกด้วยว่า วันนี้เราจะไม่นิ่งนอนใจ เราจะทำการตอบโต้ทุกรูปแบบด้วยกำลังความพร้อมทางอาวุธ กำลังทรัพย์ และทุกมวลชน เพื่อทุกความเจ็บปวดทุกหยดเลือด ทุกชีวิต ที่เกิดจากความรุนแรงของรัฐทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นวันนี้ และจากนี้ และลมหายใจที่ประชาชน ครู อาจารย์ ชุมชนไทยพุทธพวกมันเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนใช้เส้นทางถนน ชีวิตประจำวัน คุ้มกันอย่างไรก็ตาม เราจะปลิดชีพมัน และทวงคืนทุกชีวิตที่เราสูญเสียไป
อีกทั้ง ในใบปลิวประโยคสุดท้ายยังเขียนข้อความในวงเล็บอีกด้วยว่า หยดเลือดมุสลิมผู้บริสุทธิ์มีค่ามากกว่าไทยพุทธเป็น 10 เท่า ส่งผลทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เกิดความหวาดกลัว และไม่แน่ใจว่าใบปลิวดังกล่าวเป็นของกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือไม่ จึงได้มีการถ่ายข้อความในใบปลิวส่งแชร์กันทางเฟซบุ๊ก เพื่อให้ทุกคนอย่าตั้งอยู่ในความประมาทในการป้องกันเหตุร้ายอาจจะเกิดขึ้นกับผู้บริสุทธิ์ต่อไป