นครศรีธรรมราช - อดีตเลขาธิการอาเซียนเตรียมรับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ เสด็จเยี่ยมโรงเรียนปอเนาะบ้านตาล พร้อมแสดงความเห็นถึงชาติพันธุ์โรฮิงญาที่ยังเป็นปัญหาภายในของพม่า ขณะที่อาเซียนต้องให้ความสำคัญด้านมนุษยธรรม ก่อนเปิดใจหลังจากหมดวาระการดำรงตำแหน่งเลขาฯ อาเซียนเตรียมเป็นอาจารย์พิเศษหลายสถาบัน แต่ยังไม่ปิดโอกาสเส้นทางทางการเมือง
ที่โรงเรียนประทีปศาสตร์ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ได้เดินทางมาติดตามความพร้อมของการเตรียมรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมโรงเรียนเป็นการส่วนพระองค์ ในวันนี้ (3 ก.พ.) ซึ่งโรงเรียนดังกล่าวนั้นเป็นโรงเรียนที่บริหารโดยคณาจารย์ในตระกูลพิศสุวรรณมาอย่างยาวนาน และสร้างบุคลากรที่มีความสำคัญที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย และในสากลหลายคนด้วยกัน
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีความสนพระทัยในการเรียนการสอนการบริหารจัดการโรงเรียนเอกชนศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียนแบบนี้ถึง 14 โรงเรียนในภาคใต้ โดยเฉพาะโรงเรียนแบบนี้ในภาคใต้ตอนบน มีการเรียนการสอนเป็นภาษาไทย เป็นสิ่งสะท้อนว่า สถาบันการเรียนการสอนแบบนี้ต้องช่วยกันจรรโลงการเรียนการสอนให้อยู่ต่อไป
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ยังกล่าวถึงปัญหาชาวโรฮิงญา ในประเทศพม่าอพยพออกนอกประเทศว่า รัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายของพม่ายังยอมรับ หรือไม่ยอมรับกลุ่มนี้ยังเป็นปัญหา รวมทั้งกับชาวพม่าเองที่ยังไม่ยอมรับ ซึ่งต้องค่อยๆ ปรับไป พม่าเองก็กังวลในเรื่องของการก้าวก่ายในประเทศ ซึ่งในเรื่องนี้ทางองค์การสหประชาชาติไม่ได้เพิกเฉยกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด และถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ดีอาจเข้าลัทธิของความรุนแรง คือ การลุกฮือขึ้นสู้ และอาเซียนต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของมนุษยธรรม
ขณะเดียวกัน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ยังกล่าวถึงเส้นทางหลังจากพ้นวาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนว่า ขณะนี้มีการประสานงานจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ให้ไปเป็นธรรมศาสตราพิชาญ ซึ่งได้ตอบรับไปแล้ว และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ยังสนใจหรือไม่ ดร.สุรินทร์ กล่าวว่า ยังมีที่ว่างอยู่อีกมั้ย ซึ่งยังไม่ปิดกั้นสำหรับเส้นทางนี้
ที่โรงเรียนประทีปศาสตร์ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ได้เดินทางมาติดตามความพร้อมของการเตรียมรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมโรงเรียนเป็นการส่วนพระองค์ ในวันนี้ (3 ก.พ.) ซึ่งโรงเรียนดังกล่าวนั้นเป็นโรงเรียนที่บริหารโดยคณาจารย์ในตระกูลพิศสุวรรณมาอย่างยาวนาน และสร้างบุคลากรที่มีความสำคัญที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย และในสากลหลายคนด้วยกัน
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน กล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีความสนพระทัยในการเรียนการสอนการบริหารจัดการโรงเรียนเอกชนศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียนแบบนี้ถึง 14 โรงเรียนในภาคใต้ โดยเฉพาะโรงเรียนแบบนี้ในภาคใต้ตอนบน มีการเรียนการสอนเป็นภาษาไทย เป็นสิ่งสะท้อนว่า สถาบันการเรียนการสอนแบบนี้ต้องช่วยกันจรรโลงการเรียนการสอนให้อยู่ต่อไป
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ยังกล่าวถึงปัญหาชาวโรฮิงญา ในประเทศพม่าอพยพออกนอกประเทศว่า รัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายของพม่ายังยอมรับ หรือไม่ยอมรับกลุ่มนี้ยังเป็นปัญหา รวมทั้งกับชาวพม่าเองที่ยังไม่ยอมรับ ซึ่งต้องค่อยๆ ปรับไป พม่าเองก็กังวลในเรื่องของการก้าวก่ายในประเทศ ซึ่งในเรื่องนี้ทางองค์การสหประชาชาติไม่ได้เพิกเฉยกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด และถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ดีอาจเข้าลัทธิของความรุนแรง คือ การลุกฮือขึ้นสู้ และอาเซียนต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของมนุษยธรรม
ขณะเดียวกัน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ยังกล่าวถึงเส้นทางหลังจากพ้นวาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนว่า ขณะนี้มีการประสานงานจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ให้ไปเป็นธรรมศาสตราพิชาญ ซึ่งได้ตอบรับไปแล้ว และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ยังสนใจหรือไม่ ดร.สุรินทร์ กล่าวว่า ยังมีที่ว่างอยู่อีกมั้ย ซึ่งยังไม่ปิดกั้นสำหรับเส้นทางนี้