เหยื่อถล่มยิงยังใจสู้ อยากช่วยชาวบ้านฟื้นฟูนาร้างให้ได้ผลผลิตดี

ปัตตานี - รอง มทภ.4 เยี่ยมคนงานโครงการฟื้นฟูนาร้างของ ศอ.บต.ที่ถูกถล่มยิง หนึ่งในผู้บาดเจ็บเผยยังมีกำลังใจดี และพร้อมที่จะสอนชาวบ้านในพื้นที่ทำนาให้ได้ผลผลิตดีต่อไป แต่ตอนนี้สูญเสียคนรขับรถไถนามือดีไปแล้ว

วันนี้ (2 ก.พ.) ที่โรงพยาบาลปัตตานี พล.ต.สุเมธ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามอาก้า เอ็ม 16 และปืนพกสั้นขนาด 9 มม.ไล่ยิงคนงานทำนาในพื้นที่ ม.3 บ้านบาโลย ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ตามแผนงานโครงการฟื้นฟูนาร้างของ ศอ.บต. โดยส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่มีภูมิลำเนาอยู่ใน ม.8 ต.โพทะเล อ.สามชุก จ.สิงห์บุรี เหตุเกิดเมื่อวานนี้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 11 ราย ล่าสุด ยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี 6 ราย พักอยู่ในห้อง ICU จำนวน 3 ราย และพักรักษาที่ตึกศัลยกรรมอุบัติเหตุอีก 3 ราย ทั้งหมดพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่แพทย์ยังคงดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนายสุริยา ปลีแย้ม อายุ 25 ปี มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกปอดฉีกขาด ยังคงพักภายในห้อง ICU

พร้อมกันนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้นำกระเช้าของแม่ทัพภาคที่ 4 มามอบให้พร้อมเงินช่วยเหลือเบื้องต้น เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และแสดงความห่วงใยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.สุเมธ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ทางกองกำลังในพื้นที่พร้อมที่จะให้การคุ้มครอง ถ้าทาง ศอ.บต.จะยินดีสานโครงการต่อเพราะเป็นโครงการที่ก่อเกิดประโยชน์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่

ด้านนายจรัญ กันภัย หนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเผยว่า เรามาที่นี่ด้วยความเต็มใจ ไม่มีใครบังคับแต่อย่างใด เพียงเพื่อให้พี่น้องที่น้องที่นี่เกิดความรักความสามัคคีต่อกัน และอยากให้ที่นี่มีโอกาสทำนามากขึ้น เพราะที่นี่มีพื้นที่นาว่างเป็นจำนวนมาก พวกผมจึงอยากมาสอนขั้นตอนการทำนาให้ได้ผลเหมือนที่บ้านผมที่สิงห์บุรี แต่เสียดายการทำนาเพิ่งจะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอน และกำลังไปได้สวยมากกลับถูกไล่ยิงในระหว่างทางกลับไปที่พัก

“ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ชาวบ้านที่นี่ก็เอ็นดูพวกเรา และสนใจการทำนาเป็นอย่างดี ทำให้พวกผมมีกำลังใจที่ช่วยสอนวิธีทำนาอย่างเต็มที่ จากเหตุในครั้งนี้ผมยังจะสู่ต่อไป แต่ไม่รู้ว่าทางบ้านเขายังจะให้มาทำต่อหรือไม่ อีกอย่างหนึ่งคือ มือขับรถไถ่นาเบอร์หนึ่งของพวกเราคือ นายเสน่ห์ ขุนเณร ถูกยิงเสียชีวิต จึงทำให้คนงานที่ยังอยู่ไม่ครบตามแผนกงาน เพราะเราทุกคนมานั้นเราได้แบ่งเป็นรับผิดชอบในส่วนต่างๆ” นายจรัญกล่าว

ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการฟื้นฟูนาร้างของ ศอ.บต. กล่าวว่า ตั้งแต่พี่น้องชาวสิงห์บุรีเริ่มเข้าไปทำนาในพื้นที่ ม.3 ต.บาโลย ได้มีการทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานดูแลความปลอดภัย ที่ผบ.ร้อย 4404 ตั้งอยู่ที่วัดปิยามุมัง และกองร้อย 4410 ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.บาโลย แต่วันเกิดเหตุกลับไม่มีกำลังคอยทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเลย ซึ่งผิดกับเวลาก่อนหน้านี้มีกำลังคอยดูแลความปลอดภัยมาเป็นช่วงๆ

ส่วนสาเหตุที่ทางหน่วยงานเลือกพื้นที่ ม.3 ต.บาโลย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่นำร่องนั้น เพราะได้มีการสำรวจก่อนหน้านี้แล้ว เป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ประกอบกับที่นี่มีการจัดทำระบบชลประทานที่ดี จึงเหมาะแก่การทำนาเป็นอย่างมาก และพี่น้องในพื้นที่ ต.บาโลย จะเป็นรุ่นที่ 3 เพื่อไปอบรมที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์เรียนรู้ของนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรัตน์ อดีต รมต.เกษตรและสหกรณ์ และคนงานที่ลงมาสอนการทำนาก็ส่วนใหญ่เป็นคนงานของนายประพัฒน์ ที่มีความชำนาญในการทำนาสูง โดยมีคนงานจากสิงห์บุรีเข้ามาปัตตานีเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 20 คน แล้วได้เข้าพักที่วัดปิยามุมัง จำนวน 7 คน และพักที่บ้านเช่าบริเวณวัดอีก 13 คน โดยทาง ศอ.บต.เป็นฝ่ายดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด