พัทลุง - เกิดสถาวะลมจากทะเลฝั่งอ่าวไทยพัดเข้าหาฝั่ง ทำให้น้ำทะเลหนุนเข้าไปในทะเลสาบสงขลาตอนใน ส่งผลให้ปลาลอยตายเกลื่อนตลอดแนวริมทะเลสาบ รวมระยะทางกว่า 100 กม.
วันนี้ (1 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พัทลุง ว่า ช่วงระหว่างต้นเดือนมกราคม-ปลายเดือนมีนาคมของทุกปี จะมีลมนอกจากทะเลฝั่งอ่าวไทยพัดเข้าหาฝั่ง ซึ่งช่วงนี้จะเกิดลมพัดแรง และคลื่นสูงนานนับเดือน ชาวประมงริมทะเลสาบสงขลาตอนใน ใน 5 อำเภอ คือ อ.ควนขนุน อ.เมืองพัทลุง อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว และ อ.ปากพะยูน ต้องงดออกเรือหาปลา และเก็บเครื่องมือประมงโดยเฉพาะอวนดักปลาไว้ในกระสอบเพื่อป้องกันการฉีกขาด ในขณะเดียวกัน ลมนอกได้พัดพาน้ำเค็มเข้ามาในทะเลสาบ ทำให้ปลาน้ำจืดซึ่งเป็นปลาเศรษฐกิจ เช่น ปลาหัวโม่ง และปลาหัวอ่อนลอยตายเกลื่อนตลอดแนวริมทะเลสาบ รวมระยะทางกว่า 100 กม.
นางสุพิน ด้วงเอียด อายุ 48 ปี ชาวประมงในพื้นที่หมู่ 8 ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง กล่าวว่า ตนกับสามีต้องงดออกเรือหาปลามานานร่วม 1 เดือนแล้ว เนื่องจากลมนอกพัดเข้าฝั่ง และคลื่นลมแรง หวั่นเกิดอันตรายถึงชีวิต ทำให้ครอบครัวขาดรายได้เพราะมีอาชีพประมงอย่างเดียว ล่าสุด สามีต้องเปลี่ยนอาชีพใหม่คือ รับจ้างทำงานก่อสร้างทั่วไป ส่วนตนก็ออกไปรุนกุ้งฝอยบริเวณริมทะเลสาบได้มาประมาณ 5-10 กก.ต่อวัน ก็นำมาจำหน่ายในราคา กก.ละ 20 บาท เพื่อนำรายได้มาจุนเจือครอบครัว
