ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ยอดชาวโรฮิงญาที่หลบหนีออกจากแคมป์กลางป่าใน ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ล่าสุด พบตัวแล้ว 46 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กชายอายุต่ำกว่า 10 ปี 2 คน
วันนี้ (31 ม.ค.) ความคืบหน้าหลังจากที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าทลายแคมป์ที่ใช้กักขังชาวโรฮิงญากลางป่าสวนยางในพื้นที่บ้านฉลุง ม.7 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และมีชาวโรงฮิงบางส่วนที่ถูกนายหน้าทิ้งให้หลบหนีเข้าไปในป่า เนื่องจากเคลื่อนย้ายไม่ทัน
ล่าสุด ยอดรวมยอมชาวโรฮิงญาที่เดินพลัดหลงอยู่ในป่า และได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นชาวมุสลิม ขณะนี้มีจำนวน 46 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กชายอายุต่ำกว่า 10 ปี 2 คน ซึ่งเดินพลัดหลงอยู่เพียงลำพัง และถูกนำมาอยู่รวมกันไว้ที่มัสยิดญามิอุนมุตตากีนร่วมกับพี่ชาย และชาวโรฮิงญาคนอื่นๆ ส่วนที่เหลือเป็นชายล้วน ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการคัดแยกว่ามีอายุต่ำกว่า 15 ปีด้วยหรือไม่
เบื้องต้น ได้มีการแยกชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ออกเป็น 2 กลุ่ม โดยนำไปควบคุมไว้ที่ สภ.ทุ่งตำเสา จำนวน 26 คน ส่วนที่เหลือให้อยู่ที่มัสยิดไปก่อน เนื่องจากห้องควบคุมผู้ต้องขังคับแคบไม่เพียงพอ โดยตำรวจได้มอบหมายให้ผู้นำศาสนา และฝ่ายปกครองของหมู่ 7 ช่วยกันดูแล ซึ่งตลอดทั้งวัน มีชาวบ้านในพื้นที่ที่ทราบข่าวนำอาหารเสื้อผ้า และน้ำมาดูแลชาวโรฮิงญากลุ่มนี้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังคงแจ้งเบาะแสว่า พบชาวโรฮิงญาเดินวนเวียนอยู่ในป่าอีกจำนวนหนึ่งแต่หวาดกลัวไม่กล้าออกมา
วันนี้ (31 ม.ค.) ความคืบหน้าหลังจากที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าทลายแคมป์ที่ใช้กักขังชาวโรฮิงญากลางป่าสวนยางในพื้นที่บ้านฉลุง ม.7 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และมีชาวโรงฮิงบางส่วนที่ถูกนายหน้าทิ้งให้หลบหนีเข้าไปในป่า เนื่องจากเคลื่อนย้ายไม่ทัน
ล่าสุด ยอดรวมยอมชาวโรฮิงญาที่เดินพลัดหลงอยู่ในป่า และได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นชาวมุสลิม ขณะนี้มีจำนวน 46 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กชายอายุต่ำกว่า 10 ปี 2 คน ซึ่งเดินพลัดหลงอยู่เพียงลำพัง และถูกนำมาอยู่รวมกันไว้ที่มัสยิดญามิอุนมุตตากีนร่วมกับพี่ชาย และชาวโรฮิงญาคนอื่นๆ ส่วนที่เหลือเป็นชายล้วน ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการคัดแยกว่ามีอายุต่ำกว่า 15 ปีด้วยหรือไม่
เบื้องต้น ได้มีการแยกชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ออกเป็น 2 กลุ่ม โดยนำไปควบคุมไว้ที่ สภ.ทุ่งตำเสา จำนวน 26 คน ส่วนที่เหลือให้อยู่ที่มัสยิดไปก่อน เนื่องจากห้องควบคุมผู้ต้องขังคับแคบไม่เพียงพอ โดยตำรวจได้มอบหมายให้ผู้นำศาสนา และฝ่ายปกครองของหมู่ 7 ช่วยกันดูแล ซึ่งตลอดทั้งวัน มีชาวบ้านในพื้นที่ที่ทราบข่าวนำอาหารเสื้อผ้า และน้ำมาดูแลชาวโรฮิงญากลุ่มนี้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังคงแจ้งเบาะแสว่า พบชาวโรฮิงญาเดินวนเวียนอยู่ในป่าอีกจำนวนหนึ่งแต่หวาดกลัวไม่กล้าออกมา
