กฟผ.ยันจัดเพิ่มให้อีกโครงการปั้น ม.ปลายใต้เป็น “นักข่าวพลเมืองรักษ์พลังงาน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “โครงการอบรมนักข่าวพลเมืองเยาวชนรักษ์พลังงาน” ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (มวล.) ร่วมกับการไฟฟ้าฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดขึ้นเป็นรุ่นที่ 5 ให้กับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในภาคใต้ จำนวน 44 คน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจในเรื่องการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้องและยั่งยืน สามารถนำทักษะที่ได้รับไปรายงานข่าวผ่านสื่อต่างๆ สู่สังคมวงกว้าง โดยเฉพาะสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ ณ มวล. อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช จบลงไปอย่างประสบความสำเร็จเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผลงานของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการเป็นเครื่องยันยันถึงผลสัมฤทธิ์

ภายหลังมีการป้อนข้อมูลทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติในช่วง 3 วันแรกของการอบรมคือ 24-26 ม.ค. โดยมีการระดมทั้งนักวิชาการและสื่อมวลชนอาชีพมาให้ความรู้ นักเรียนที่เข้าอบรมทั้งหมดก็ได้แบ่งกลุ่มลงพื้นที่ผลิตข่าวในพื้นที่เป้าหมายคือ ชุมชนนาหมดบุญ ต.นาหมอบุญ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีทั้งการผลิตข่าวสารเพื่อนำเสนอผ่านสื่อทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ ซึ่งผลจากการประเมินของคณะกรรมการที่ประกอบขึ้นจากนักวิชาการและนักวิชาชีพสื่อมวลชน ปรากฏว่าผลงานของนักข่าวพลเมืองเยาวชนรักษ์พลังงานรุ่นที่ 5 นี้ไม่เฉพาะผ่านเกณฑ์มาตรฐานเท่านั้น แต่คะแนนที่ได้รับจัดอยู่ในระดับ A หรืออยู่ในขั้นดีทั้งหมด

ในพิธีปิดโครงการมีการมอบวุฒิบัตรเพื่อการันตีในความรู้และความสามารถของผู้เข้าร่วมโครงการ โดยมีผู้ใหญ่ที่ร่วมกันมอบวุฒิบัตรให้กับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจากหลายโรงเรียนของภาคใต้ทั้ง 44 คนในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1. รศ.ดร.มนตรี อิสรไกรศีล รองอธิการบดีฝ่ายปฏิบัติการบริการกลาง มวล. 2. นายวีระยุทธ ลิกขะไชย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคใต้ กฟผ. และ 3. รศ.สดศรี เผ่าอินจัทร์ นักวิชาการด้านการสื่อสารมวลชน และอดีตคณบดีคนแรกของคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)

นางวราทิพย์ อานันทนสกุล หัวหน้ากองประสานสื่อสารระบบผลิตและส่งไฟฟ้า ฝ่ายสื่อสารองค์การ กฟผ. กล่าวกับ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ว่าโครงการอบรมนักข่าวพลเมืองเยาวชนรักษ์พลังงานที่ กฟผ.ร่วมกับ มวล.จัดขึ้นหนนี้ถือเป็นครั้งแรกของภาคใต้ ที่ผ่านมาได้ตระเวนจัดในภูมิภาคอื่นๆ จนครบหมดแล้ว โดยในส่วนของภาคใต้ถือว่าได้รับการตอบรับคึกคักและครึกครื้นมากที่สุด โดยดูได้จากมีนักเรียนขอสมัครเข้าร่วมกว่าร้อยคน แต่โครงการสามารถรองรับได้ยังไม่ถึงครึ่ง ซึ่งก็ได้มีการปรึกษาหารือกันในทีมงานแล้วว่า คงจะต้องมีการจัดโครงการนี้เพิ่มเติมให้กับเด็กนักเรียนมัธยมปลายในภาคใต้อีกแน่นอน แต่จะจัดเมื่อไหร่หรือที่ไหนจะแจ้งให้ทราบต่อไป