สุราษฎร์ธานี - สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเกาะสมุย เผยนโยบายปรับค่าแรงวันละ 300 บาท ส่งผลกระทบผู้ประกอบการท่องเที่ยวขนาดเล็กในพื้นที่เกาะสมุย และเกาะพะงัน รวมถึงเกาะเต่า คาดปลดพนักงานเพื่อลดภาระต้นทุนของตนเอง
นายทนงศักดิ์ สมวงศ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลมีการปรับขึ้นค่าแรงงาน เป็น 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมานั้น จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวขนาดเล็กในพื้นที่เกาะสมุย และเกาะพะงัน รวมถึงเกาะเต่าอย่างแน่นอน เพราะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ประกอบกับในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น ทางผู้ประกอบการโรงแรมที่พักในเกาะสมุย และ เกาะพะงัน รวมถึงเกาะเต่า ไม่ได้ปรับขึ้นราคาห้องพักเลยเนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป และในประเทศต่างๆ
ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าแรงนั้นจะมีผลในช่วงโลว์ซีซัน ซึ่งผู้ประกอบการขนาดเล็กทั้ง 3 เกาะดังฝั่งอ่าวไทยนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นของคนไทย ซึ่งน่าจะปรับลดจำนวนพนักงานเพื่อลดภาระต้นทุนของตนเอง ส่วนธุรกิจโรงแรมขนาดกลาง และใหญ่นั้นน่าจะไม่กระทบมากนัก เนื่องจากมีการจ้างในอัตราที่สูงอยู่แล้ว ส่วนแนวทางการแก้ไขคาดว่าผู้การประกอบโรงแรมขนาดเล็ก จะต้องมีการประกันให้พนักงานวันละ 300 บาท โดยนำเงินเซอร์วิสชาร์จที่พนักงานเคยได้รับอยู่แล้วนอกเหนือจากเงินเดือนประจำ มารวมกับเงินเดือน เพื่อให้ได้วันละ 300 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาการปรับลดพนักงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน มีโรงแรมบนเกาะสมุยประมาณ 470 แห่ง เกาะพะงัน 250 แห่ง และเกาะเต่า จำนวนประมาณกว่า 90 แห่ง มีห้องพักรวมทั้งหมดประมาณกว่า 3 หมื่นห้อง เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กประมาณร้อยละ 30 ขนาดกลางร้อยละ 45 และ ขนาดใหญ่ร้อยละ 25 เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 400 บาท ถึง 80,000 บาท ส่วนราคาขึ้นอยู่สถานการณ์การท่องเที่ยว และไม่แน่นอน โรงแรมทุกแห่งจะเน้นการบริการให้ดีที่สุดเป็นอันดับแรก
สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าส่วนมาส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรป เช่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส และประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย เป็นต้น สัดส่วนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 60 ส่วนนักท่องเที่ยวชาวเอเชียซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยเอง จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 25 นอกนั้นจะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเกาะสมุย ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นครอบครัว หรือกลุ่มผู้สูงอายุ ชอบการพักผ่อน ตีกอล์ฟ ออกกำลังกาย นวดสปาเพื่อสุขภาพ เป็นต้น ส่วนเกาะพะงันนั้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังเป็นพวกกลุ่มวัยรุ่น ชอบกิจกรรมงานปาร์ตี้ ขณะที่เกาะเต่านั้นเป็นกลุ่มผสมผสานระหว่างเกาะสมุยกับเกาะพะงัน ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบการดำน้ำชมความสวยงามใต้ท้องทะเล ซึ่งเกาะเต่า เป็นพื้นที่ที่มีปะการัง และเป็นแหล่งดำน้ำที่สำคัญของประเทศไทย และของโลก มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาท่องเที่ยวเพื่อดำน้ำ หรือฝึกหัดดำน้ำในพื้นที่
นายทนงศักดิ์ สมวงศ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลมีการปรับขึ้นค่าแรงงาน เป็น 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมานั้น จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวขนาดเล็กในพื้นที่เกาะสมุย และเกาะพะงัน รวมถึงเกาะเต่าอย่างแน่นอน เพราะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ประกอบกับในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น ทางผู้ประกอบการโรงแรมที่พักในเกาะสมุย และ เกาะพะงัน รวมถึงเกาะเต่า ไม่ได้ปรับขึ้นราคาห้องพักเลยเนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป และในประเทศต่างๆ
ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าแรงนั้นจะมีผลในช่วงโลว์ซีซัน ซึ่งผู้ประกอบการขนาดเล็กทั้ง 3 เกาะดังฝั่งอ่าวไทยนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นของคนไทย ซึ่งน่าจะปรับลดจำนวนพนักงานเพื่อลดภาระต้นทุนของตนเอง ส่วนธุรกิจโรงแรมขนาดกลาง และใหญ่นั้นน่าจะไม่กระทบมากนัก เนื่องจากมีการจ้างในอัตราที่สูงอยู่แล้ว ส่วนแนวทางการแก้ไขคาดว่าผู้การประกอบโรงแรมขนาดเล็ก จะต้องมีการประกันให้พนักงานวันละ 300 บาท โดยนำเงินเซอร์วิสชาร์จที่พนักงานเคยได้รับอยู่แล้วนอกเหนือจากเงินเดือนประจำ มารวมกับเงินเดือน เพื่อให้ได้วันละ 300 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาการปรับลดพนักงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน มีโรงแรมบนเกาะสมุยประมาณ 470 แห่ง เกาะพะงัน 250 แห่ง และเกาะเต่า จำนวนประมาณกว่า 90 แห่ง มีห้องพักรวมทั้งหมดประมาณกว่า 3 หมื่นห้อง เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กประมาณร้อยละ 30 ขนาดกลางร้อยละ 45 และ ขนาดใหญ่ร้อยละ 25 เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 400 บาท ถึง 80,000 บาท ส่วนราคาขึ้นอยู่สถานการณ์การท่องเที่ยว และไม่แน่นอน โรงแรมทุกแห่งจะเน้นการบริการให้ดีที่สุดเป็นอันดับแรก
สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าส่วนมาส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรป เช่น เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส และประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย เป็นต้น สัดส่วนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 60 ส่วนนักท่องเที่ยวชาวเอเชียซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยเอง จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 25 นอกนั้นจะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเกาะสมุย ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นครอบครัว หรือกลุ่มผู้สูงอายุ ชอบการพักผ่อน ตีกอล์ฟ ออกกำลังกาย นวดสปาเพื่อสุขภาพ เป็นต้น ส่วนเกาะพะงันนั้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังเป็นพวกกลุ่มวัยรุ่น ชอบกิจกรรมงานปาร์ตี้ ขณะที่เกาะเต่านั้นเป็นกลุ่มผสมผสานระหว่างเกาะสมุยกับเกาะพะงัน ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบการดำน้ำชมความสวยงามใต้ท้องทะเล ซึ่งเกาะเต่า เป็นพื้นที่ที่มีปะการัง และเป็นแหล่งดำน้ำที่สำคัญของประเทศไทย และของโลก มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาท่องเที่ยวเพื่อดำน้ำ หรือฝึกหัดดำน้ำในพื้นที่
