ยะลา - ครูยะลาห่วงการศึกษาของเด็ก เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ส่งผลต่อการเรียนการสอนทำให้ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมร้องขอมาตรการดูแลความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นให้กับครู
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่โรงเรียนบ้านเตาปูน ต.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งเป็นโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 2 มีนักเรียนจำนวนกว่า 498 คน ครูและบุคลากร 27 คน โรงเรียนเคยประสบเหตุถูกคนร้ายลอบวาเพลิงอาคารเรียนมาแล้ว 1 ครั้ง จนอาคารเรียนได้รับความเสียหาย และคนร้ายเคยก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุด รปภ.ครูที่บริเวณหน้าโรงเรียน จนทำมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย รวมไปถึงนักเรียนในโรงเรียนด้วย
นางสาวสุขุมาภรณ์ กิตติวงศากูล ครูผู้สอนประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เปิดเผยว่า ตนเองเป็นครูมาแล้วกว่า 20 ปี และสอนอยู่ในพื้นที่มาโดยตลอด แม้จะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงก็ไม่เคยคิดที่จะขอย้ายออกจากพื้นที่ เนื่องจากความผูกพันที่มีต่อเด็ก สถานที่ ชุมชน ถ้าตนเองไปแล้วใครจะสอนเด็กๆ เหล่านี้ และเนื่องในวันครูปีนี้ ในฐานะครูผู้สอนอยู่ในพื้นที่อยากเห็นความสงบสุขเกิดขึ้น และต้องการเห็นเด็กนักเรียนมีความเจริญก้าวหน้ามีพัฒนาการในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านคุณธรรมที่ระลึกถึงบุญคุณของครูและคนที่ให้ความรู้แก่นักเรียน เพื่อปลูกฝังจริยธรรมที่ดีให้แก่เด็ก
“ที่ผ่านมา สถานการณ์ความรุนแรงการเกิดเหตุความไม่สงบในพื้นที่ได้ส่งผลกระทบต่อด้านการเรียนการสอน และต่อเด็กโดยตรง เพราะการเรียนจะลดน้อยลง ซึ่งเด็กจะไม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ ความรู้ความสามารถของเด็กก็จะด้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กนักเรียนจากพื้นที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษา ความรู้ ทักษะด้านต่างๆ จะมีประสิทธิภาพที่ด้อยกว่านักเรียนจากภาคกลาง หรือภาคอื่น ที่ไม่ได้ประสบปัญหาความรุนแรง” นางสาวสุขุมาภรณ์ กิตติวงศากูล กล่าว
และระบุว่า ที่ผ่านมาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจของตนเองซึ่งเป็นครู แม้จะหวาดกลัวอยู่บ้างแต่ก็พยายามที่จะปฏิบัติตนให้กลมกลืน และไม่ฝืนกับวัฒนธรรมของคนรอบข้าง ตนเองอยากให้หน่วยงานที่เข้ามาแก้ไขปัญหาในพื้นที่มีความจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง มีความยุติธรรมให้กับทุกคน ทุกชาติทุกศาสนา ไม่มีการแบ่งแยกกัน
ด้านนางญานิกา นุ้ยสุภาพ ครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนบ้านเตาปูน ก็เปิดเผยว่า ตนเองสอนอยู่ที่นี้มาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว ก็เคยคิดที่จะขอย้ายออกจากพื้นที่เมื่อเกิดเหตุร้ายหรือเหตุความรุนแรง ซึ่งกระทบกระเทือนต่อจิตใจเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นแค่เพียงความคิด เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปก็นึกเป็นห่วงเด็กและการศึกษาของเด็ก หากไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง ตนเองก็อยากจะสอนอยู่ที่นี้ต่อเนื่องไป เพราะความผูกพันที่มีต่อเด็ก เราต้องเอาใจใส่เด็กในพื้นที่ให้มากขึ้น และห่วงเรื่องของการศึกษา เนื่องในวันครูปีนี้ ตนเองก็อยากขอให้มีมาตรการการดูแลครูในพื้นที่ที่มีความชัดเจนและดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา อยากให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันในการเข้ามามีส่วนร่วมในมาตรการดูแลความปลอดภัยครูให้มากขึ้น