ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ขออายัดตัวมือปืนยิง “เอ๋ อินไซด์” เจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นชื่อดัง และแกนนำ นปช.ภูเก็ต หลังหลบหนีคดีนาน 1 ปีเต็ม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังติดตามจับกุมไอ้บอย ผู้ต้องหาที่เหลืออีก 1 คน ส่วนภรรยา พร้อมเพื่อนผู้ตายเรียกร้องให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือโดยเร็ว เนื่องจากเป็นกุญแจสำคัญที่จะสาวไปถึงผู้บงการ
จากกรณีเมื่อเวลา 07.00 น.วานนี้ (13 ม.ค.) พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล สว.กก.5 บก.ป. ร.ต.ต.ดิเรกฤกธิ์ ปานจันทร์ ร.ต.ต.แดง นาคราช รอง สว.กก.5 บก.ป. ร่วมกับ ร.ต.อ.ภัฏ อินเถลิงศักดิ์ สว.สส.สภ.ชะอำ ร.ต.อ.สมชาย เนียมจำเริญ รอง สว.สส.สภ.ชะอำ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมตัวนายทศพล หรือสัญญา หรือหนู เกตุแก้ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 10 ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ ส.572/2547 ลงวันที่ 2 ส.ค.47 และหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.39/2555 ลงวันที่ 24 ม.ค.55 ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งจับกุมได้ภายในบ้านไม่มีเลขที่ ถนนหนองแจง ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
สำหรับนายทศพล หรือสัญญา หรือหนู เกตุแก้ว เป็นหนึ่งในผู้ต้องในคดีฆ่าเอ๋ อินไซด์ หรือ นายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ อายุ 44 ปี เจ้าของหนังสือพิมพ์ อินไซด์ภูเก็ต และแกนนำ นปช.ภูเก็ต ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2555 ที่ผ่านมา ที่บริเวณสามแยกถนนทุ่งคา-ควนดินแดง ปากทางแยกถนนเทพกระษัตรี ม.6 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีคนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้ารถผู้ตายที่ขับออกมาจากซอยเพื่อขึ้นถนนใหญ่ และลงมาใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงเข้าใส่ผู้ตาย จำนวน 4 นัด ก่อนที่จะหลบหนีไป
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายทศพล หรือสัญญา หรือ หนู เกตุแก้ว ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 คดี ได้หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านไม่มีเลขที่ ถนนหนองแจง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาล จ.เพชรบุรี เพื่อขอทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ดังกล่าว โดยศาล จ.เพชรบุรี ได้อนุมัติหมายค้นเลขที่ 14/2556 ลงวันที่ 12 ม.ค.56 ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงนำกำลังไปตรวจค้น กระทั่งพบนายทศพล หรือสัญญา หรือหนู เกตุแก้ว และจับกุมตัวได้ โดยในชั้นสอบสอบสวน นายทศพล หรือสัญญา หรือหนู เกตุแก้ว รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาทั้ง 2 คดี โดยเล่าว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.47 เวลาประมาณ 16.00 น. ตนกับนายยืนยง เอื้องจีน ใช้อาวุธปืนขนาด .38 ซูเปอร์ ยิงนายกร้า อารมย์ดี เสียชีวิต ที่หน้าบ้านเลขที่ 118 หมู่ 10 ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยตนเป็นคนยิง สาเหตุมาจากเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับผู้ตาย หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป
สำหรับคดียิงเอ๋ อินไซด์ นั้น ในเบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.55 เวลาประมาณ 09.00 น. ตนกับนายนพดล หรือแพะ พรายศรี และนายสมควร หรือบอย ดีพันธ์ ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยา โดยมีนายสมควร หรือบอย ดีพันธ์ เป็นคนหาอาวุธปืนมาให้ตน ส่วนนายนพดล หรือแพะ พรายศรี เป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์วันก่อเหตุ และตนนั่งซ้อนท้ายเป็นคนลงมือยิง โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 13,000 บาท และหลบหนีไป กระทั่งมาถูกจับในที่สุด อย่างไรก็ตาม สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาคดีฆ่านายวิสุทธ์นั้น ก่อเหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายนพดล หรือแพะ พรายศรี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 1334/1 ถ.จอมพล อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะที่ผู้ต้องหาอีกคนซึ่งคือ นายสมควรหรือบอย ดีพันธ์ นั้นยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวถึงการนำตัวนายทศพล หรือสัญญา หรือหนู เกตุแก้ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 10 ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.39/2555 ลงวันที่ 24 ม.ค.55 ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ว่า ขณะนี้ได้ให้ทางพนักงานสอบสวนทำหนังสือเพื่อขออายัดตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวไว้แล้ว เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งจะต้องรอให้เสร็จขั้นตอนของการดำเนินคดีในส่วนของพื้นที่ชะอำก่อน ส่วนการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออีก 1 คน คือ นายสมควร หรือบอย ดีพันธ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวที่เหลืออยู่ ทางเจ้าหน้าที่ยังคงติดตามจับกุมตัวเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้ให้แนวทางในการติดตามตัวผู้ต้องหาไว้แล้ว ซึ่งไม่เฉพาะในคดีนี้เท่านั้น แต่รวมถึงคดีอื่นๆ ด้วย
ขณะที่ น.ส.จิราภรณ์ โฮ่สกุล ภรรยาของ นายวิสุทธ์ หรือเอ๋ อินไซด์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินได้อีก 1 คน แต่ก็ยังไม่พอใจเท่าที่ควร เนื่องจากยังมีผู้ต้องหาซึ่งเป็นตัวเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหมดยังหลบหนีอยู่ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะสอบสวนไปถึงตัวผู้บงการ
ด้านนายวัชระ มะลิแก้ว เพื่อนสนิทของนายวิสุทธิ์ ผู้ตาย และร่วมกันทำหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต กล่าวหลังจากทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นคนยิง “เอ๋ อินไซด์” ได้แล้ว ก็รู้สึกดีใจ ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นมาครบรอบ 1 ปีพอดี ทำให้เห็นว่าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอยู่ และคดีนี้ยังเป็นคดีที่หลายฝ่ายยังให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการก็อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกฎหมาย และที่สำคัญอยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาอีกคนซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างมือปืน และผู้บงการ ถ้าจับกุมผู้ต้องหาอีกคนที่ยังหลบหนีอยู่ได้ ก็จะทำให้สามารถสาวไปถึงตัวผู้บงการได้อย่างแน่นอน
จากกรณีเมื่อเวลา 07.00 น.วานนี้ (13 ม.ค.) พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล สว.กก.5 บก.ป. ร.ต.ต.ดิเรกฤกธิ์ ปานจันทร์ ร.ต.ต.แดง นาคราช รอง สว.กก.5 บก.ป. ร่วมกับ ร.ต.อ.ภัฏ อินเถลิงศักดิ์ สว.สส.สภ.ชะอำ ร.ต.อ.สมชาย เนียมจำเริญ รอง สว.สส.สภ.ชะอำ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมตัวนายทศพล หรือสัญญา หรือหนู เกตุแก้ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 10 ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ ส.572/2547 ลงวันที่ 2 ส.ค.47 และหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.39/2555 ลงวันที่ 24 ม.ค.55 ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งจับกุมได้ภายในบ้านไม่มีเลขที่ ถนนหนองแจง ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
สำหรับนายทศพล หรือสัญญา หรือหนู เกตุแก้ว เป็นหนึ่งในผู้ต้องในคดีฆ่าเอ๋ อินไซด์ หรือ นายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยาภรณ์ อายุ 44 ปี เจ้าของหนังสือพิมพ์ อินไซด์ภูเก็ต และแกนนำ นปช.ภูเก็ต ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ม.ค.2555 ที่ผ่านมา ที่บริเวณสามแยกถนนทุ่งคา-ควนดินแดง ปากทางแยกถนนเทพกระษัตรี ม.6 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีคนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้ารถผู้ตายที่ขับออกมาจากซอยเพื่อขึ้นถนนใหญ่ และลงมาใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงเข้าใส่ผู้ตาย จำนวน 4 นัด ก่อนที่จะหลบหนีไป
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายทศพล หรือสัญญา หรือ หนู เกตุแก้ว ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 2 คดี ได้หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านไม่มีเลขที่ ถนนหนองแจง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาล จ.เพชรบุรี เพื่อขอทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ดังกล่าว โดยศาล จ.เพชรบุรี ได้อนุมัติหมายค้นเลขที่ 14/2556 ลงวันที่ 12 ม.ค.56 ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงนำกำลังไปตรวจค้น กระทั่งพบนายทศพล หรือสัญญา หรือหนู เกตุแก้ว และจับกุมตัวได้ โดยในชั้นสอบสอบสวน นายทศพล หรือสัญญา หรือหนู เกตุแก้ว รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาทั้ง 2 คดี โดยเล่าว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.47 เวลาประมาณ 16.00 น. ตนกับนายยืนยง เอื้องจีน ใช้อาวุธปืนขนาด .38 ซูเปอร์ ยิงนายกร้า อารมย์ดี เสียชีวิต ที่หน้าบ้านเลขที่ 118 หมู่ 10 ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยตนเป็นคนยิง สาเหตุมาจากเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับผู้ตาย หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป
สำหรับคดียิงเอ๋ อินไซด์ นั้น ในเบื้องต้น ผู้ต้องหายอมรับ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.55 เวลาประมาณ 09.00 น. ตนกับนายนพดล หรือแพะ พรายศรี และนายสมควร หรือบอย ดีพันธ์ ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงนายวิสุทธิ์ ตั้งวิทยา โดยมีนายสมควร หรือบอย ดีพันธ์ เป็นคนหาอาวุธปืนมาให้ตน ส่วนนายนพดล หรือแพะ พรายศรี เป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์วันก่อเหตุ และตนนั่งซ้อนท้ายเป็นคนลงมือยิง โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 13,000 บาท และหลบหนีไป กระทั่งมาถูกจับในที่สุด อย่างไรก็ตาม สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาคดีฆ่านายวิสุทธ์นั้น ก่อเหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายนพดล หรือแพะ พรายศรี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 1334/1 ถ.จอมพล อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะที่ผู้ต้องหาอีกคนซึ่งคือ นายสมควรหรือบอย ดีพันธ์ นั้นยังอยู่ระหว่างการหลบหนี
พ.ต.อ.เสริมพันธ์ ศิริคง ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวถึงการนำตัวนายทศพล หรือสัญญา หรือหนู เกตุแก้ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 10 ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.39/2555 ลงวันที่ 24 ม.ค.55 ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ว่า ขณะนี้ได้ให้ทางพนักงานสอบสวนทำหนังสือเพื่อขออายัดตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวไว้แล้ว เพื่อนำตัวกลับมาดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งจะต้องรอให้เสร็จขั้นตอนของการดำเนินคดีในส่วนของพื้นที่ชะอำก่อน ส่วนการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออีก 1 คน คือ นายสมควร หรือบอย ดีพันธ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวที่เหลืออยู่ ทางเจ้าหน้าที่ยังคงติดตามจับกุมตัวเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้ให้แนวทางในการติดตามตัวผู้ต้องหาไว้แล้ว ซึ่งไม่เฉพาะในคดีนี้เท่านั้น แต่รวมถึงคดีอื่นๆ ด้วย
ขณะที่ น.ส.จิราภรณ์ โฮ่สกุล ภรรยาของ นายวิสุทธ์ หรือเอ๋ อินไซด์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินได้อีก 1 คน แต่ก็ยังไม่พอใจเท่าที่ควร เนื่องจากยังมีผู้ต้องหาซึ่งเป็นตัวเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหมดยังหลบหนีอยู่ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะสอบสวนไปถึงตัวผู้บงการ
ด้านนายวัชระ มะลิแก้ว เพื่อนสนิทของนายวิสุทธิ์ ผู้ตาย และร่วมกันทำหนังสือพิมพ์อินไซด์ภูเก็ต กล่าวหลังจากทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นคนยิง “เอ๋ อินไซด์” ได้แล้ว ก็รู้สึกดีใจ ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นมาครบรอบ 1 ปีพอดี ทำให้เห็นว่าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอยู่ และคดีนี้ยังเป็นคดีที่หลายฝ่ายยังให้ความสนใจ อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการก็อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกฎหมาย และที่สำคัญอยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาอีกคนซึ่งเชื่อว่าเป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างมือปืน และผู้บงการ ถ้าจับกุมผู้ต้องหาอีกคนที่ยังหลบหนีอยู่ได้ ก็จะทำให้สามารถสาวไปถึงตัวผู้บงการได้อย่างแน่นอน