ตรัง - ศพพลทหารกล้าจากเหตุซุ่มยิงที่ปัตตานี ถูกลำเลียงโดยเฮลิคอปเตอร์ส่งกลับบ้านเกิดแล้ว ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาพ่อแม่ญาติพี่น้องชาวตรัง พ่อเผยเหลืออีกแค่ 3 เดือนลูกก็จะได้กลับมาประจําการที่บ้านเกิด
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (5 ม.ค.) ที่ ร.15 พัน.4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง พ.อ.เกรียงศักดิ์ วัฒนเกริก ผบ.ร.15 พัน.4 พร้อมด้วยนางจันทิพย์ รังสิปราการ รองปลัดเทศบาลนครตรัง รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บังคับบัญชา และเพื่อนทหารกว่า 100 คน ร่วมกันทำพิธีรับศพ พลทหาร ศราวุธ ศรีนคร อายุ 22 ปี ที่ถูกลำเลียงมาด้วยเฮลิคอปเตอร์จาก จ.ปัตตานี มายังบ้านเกิดที่ จ.ตรัง หลังจากถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบใช้อาวุธปืนสงครามชนิดเอ็ม 16 ยิงโจมตีจนเสียชีวิต ส่วนทหารที่เหลืออีก 5 นายได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บริเวณใต้สะพานตะลูโบ๊ะ ถนนสาย 42 เขตรอยต่อระหว่าง ม.7 ต.ตะลูโบ๊ะ-ม.1 ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา
โดยทันทีที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอด ทั้งนายสมปอง และนางจงดี ศรีนคร ซึ่งเป็นพ่อแม่ รวมทั้งญาติพี่น้องที่มายืนรอรับศพกว่า 100 คน ต่างกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่และร้องไห้ด้วยความเสียใจ โดยผู้เป็นแม่ได้แต่พร่ำบอกกับลูกชายที่สิ้นลมหายใจไปแล้วว่าลูกชายได้ตายโดยมีธงชาติคลุมร่างกายแล้วและถึงเวลาปลดประจำการแล้ว สร้างความสะเทือนใจแก่คนข้างรอบข้าง และทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลด โดยมีกองเกียรติยศของทหารต้อนรับอย่างสมเกียรติ จากนั้นได้เคลื่อนศพใส่รถบรรทุกจีเอ็มซีเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ณ วัดนิคมประทีป (วัดโคกหล่อ) เขตเทศบาล ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง
นายสมปอง ศรีนคร อายุ 55 ปี อดีตทหารเรือ จ.ชลบุรี และเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครตรัง ผู้เป็นพ่อเล่าว่า สำหรับลูกชายที่เสียชีวิตเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 3 คน และเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ทั้งนี้ได้เกณฑ์ทหารมาประจำการที่ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ และสมัครใจอาสาไปรับใช้ชาติประจำการอยู่ที่ร้อย ร.1523 ฉก.ปัตตานี 23 ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากตนและภรรยา แต่ลูกชายก็ยังยืนยันจะไปทํางานพร้อมบอกว่าภูมิใจที่ได้รับใช้ชาติ “หากเกิดมาแล้วต้องตาย ก็ขอให้ตายอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และมีธงชาติคลุมร่างกาย มิใช่ตายอย่างหมาข้างถนน” แถมยังพูดหยอกล้อเล่นกับผู้เป็นแม่ว่าไม่ต้องวิ่งเต้นย้ายให้กลับมาประจำการที่ จ.ตรัง เมื่อไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของลูกชายได้ ทางครอบครัวก็ได้แต่เตือนให้ระมัดระวังตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับครอบครัวตน เมื่อได้รับทราบข่าวร้ายว่า ลูกชายของตนได้ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบยิงโจมตีจนเสียชีวิต ทั้งๆ ที่ยังเหลือระยะเวลาอีกแค่ 3 เดือนก็จะได้กลับมาประจำการอยู่ที่ จ.ตรัง ในวันที่ 1 เม.ย.นี้แล้ว อีกทั้งยังมีกำหนดจะกลับมาเยี่ยมครอบครัวในวันที่ 10 ม.ค.นี้ แต่มาถูกลอบโจมตีจนเสียชีวิตไปเสียก่อน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งตนและภรรยารู้สึกช็อกและตกใจ เพราะรวดเร็วเกินไปจนตั้งตัวไม่ทัน โดยที่ไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้สึกเสียใจต่อการจากไปของลูกชาย แต่ก็ภูมิใจที่เขาได้ทำหน้าที่อย่างสมเกียรติ สมกับที่ได้ตั้งปณิธานไว้ก่อนหน้านี้