พังงา - ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) บุกเข้าจับกุมผู้จำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แบรนด์ดัง ทั้งเสื้อผ้า แว่นตา ซีดีเถื่อน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท จำหน่ายให้นักท่องเที่ยวบริเวณเขาหลัก
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (20 ธ.ค.) พ.ต.อ.เจนกมล คำนวล ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามจับกุมสินค้าละเมิดละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา จำนวน 10 นาย เข้าทำการตรวจสอบ และจับกุมผู้จำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่บริเวณเขาหลัก บ้านบางหลาโอน ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เข้าตรวจค้นร้านค้าไม่มีชื่อ และจับกุมเจ้าของร้าน ชื่อ MR.ARJAN JON อายุ 28 ปี สัญชาติพม่า ตรวจยึดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แบรนด์ดัง ประเภท เสื้อผ้า แว่นตา ภายในร้าน รวมทั้งสิ้น 207 รายการ
หลังจากนั้น ได้เข้าตรวจค้นร้านค้าไม่มีชื่ออีกหนึ่งร้าน พร้อมทั้งได้จับกุม MISS ZAR GYIN ZACHEE อายุ 21 ปี สัญชาติพม่า ได้ของกลางทั้งสิ้น 346 ชิ้น และจับกุมนายเสริมยศ แซ่โค้ อายุ 32 ปี เจ้าของร้านขายแผ่นซีดี หนัง เพลงละเมิดลิขสิทธิ์ ได้ของกลางเป็นแผ่นซีดี จำนวนกว่า 2,500 แผ่น โดยสินค้าทั้งหมดหากคิดเป็นความเสียหายในการละเมิดลิขสิทธิ์ มูลค่าความเสียหาย 2 ล้านกว่าบาท
ขณะเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้าจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แบรนด์ดัง ทางเจ้าของร้านอ้างว่าได้มีการจ่ายเป็นรายเดือนให้แก่หน่วยงานตำรวจในพื้นที่แล้วกว่า 10 หน่วยงานที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรื่องสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เดือนละ 20,000 -30,000 บาท ให้แก่หน่วยงานที่มาเรียกเก็บเพื่อต้องการให้จำหน่ายสินค้าได้สะดวกแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกจับกุมอีก
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้นำสินค้าทั้งหมดที่ปลอมเครื่องหมายการค้ามาจำหน่ายให้แก่ลูกค้าจริง โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดพังงา ตำรวจจึงตั้งข้อกล่าวหา เสนอ จำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม หรือเครื่องหมายของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในอาราชอาณาจักร โดยความผิดในครั้งนี้มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขาหลัก เพื่อดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเพื่อป้องกันความเสียหายในการละเมิดลิขสิทธิ์ สินค้าปลอมแปลงประเภทต่างๆ ที่ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอย่างมหาศาลด้วย
