ตรัง - ช่างเชื่อมรับเหมาเมืองตรังตั้งวงนั่งดื่มเบียร์กัน เกิดทะเลาะกับเพื่อนก่อนถูกยิงด้วยปืนลูกซอง แต่นัดแรกไม่ตาย และพยายามกระโดดหนีตาย สุดท้ายถูกตามยิงซ้ำอีก 1 นัด ดับคาที่ คาดมีเรื่องขัดใจกันในวงเหล้า
วันนี้ (17 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ร.ต.ท.โกเมน สุวรรณชาตรี ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่บริเวณข้างร้านขายของชำ เลขที่ 171 หมู่ที่ 10 เขตเทศบาลตำบลโคกหล่อ หลังรับแจ้ง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ชินรี รอง ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ท.ภูมิ บาลทิพย์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองตรัง พ.ต.ท.เมธี จันทร์งาม รอง ผกก.สส.สภ.เมืองตรัง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง
โดยที่เกิดเหตุ ห่างจากร้านขายของชำประมาณ 3 เมตร เป็นเพิงยกสูงข้างทางริมถนน พบขวดเบียร์ช้าง จำนวน 2 ขวด จานกับข้าว และโทรศัพท์มือถือวางอยู่ โดยมีสุนัขพันธุ์ทางนอนอยู่ 1 ตัว และบนพื้นพบรองเท้าแตะฟองน้ำถอดวางอยู่ 2 คู่ ห่างกันเล็กน้อย พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีเขียว ทะเบียน 276 ตรัง ของผู้ตายจอดอยู่ และห่างเล็กน้อยลงไปในป่าหญ้าพบร่างของนายสุรเชษฐ์ แก้วกำเนิด อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ที่ 5 ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง มีอาชีพเป็นช่างเชื่อมรับเหมาทั่วไป โดยมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด.38 เข้าที่บริเวณหน้าอกซ้ายกระสุนทะลุชายโครงขวา จำนวน 1 นัด และที่ข้อมือซ้ายอีก 1 นัด
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีพยานเห็นว่า นายสุรเชษฐ์ ผู้ตาย ได้ขับขี่รถจักรยานยนตร์คันดังกล่าวออกจากบ้านเพื่อมานั่งดื่มเบียร์กับเพื่อนรวม 4 คน ระหว่างดื่มกินกันไม่ถึง 30 นาที ก็มีเสียงปืนดังลั่นขึ้น จำนวน 2 นัด จากนั้นเพื่อนของผู้ตายทั้ง 3 คน ที่นั่งอยู่ในวงด้วยกันก็ได้ขับขี่รถหลบหนีไป และมีผู้พบว่า ผู้ตายถูกยิงจนเสียชีวิตดังกล่าว
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง สันนิษฐานว่า ระหว่างดื่มกินด้วยกันนายสุรเชษฐ์ ผู้ตาย กับเพื่อนๆ น่าจะมีเรื่องขัดใจกันในวงเหล้า และมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จึงถูกเพื่อนใช้อาวุธปืนยิงใส่ 1 นัด โดยกระสุนถูกที่หน้าอกซ้ายจนบาดเจ็บสาหัส และผู้ตายได้พยายามกระโดดหนีลงไปในป่าหญ้า ก่อนที่จะถูกคนร้ายตามไปยิงซ้ำอีกครั้งจนเสียชีวิตดังกล่าว
ซึ่งขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างสอบสวนพยานแวดล้อม และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานติดตามผู้ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป