ระนอง - ทางการพม่าที่จังหวัดเกาะสอง ประสานทางการไทย รับตัว 7 คนไทย ซึ่งถูกจำคุกในข้อหามีอาวุธปืน แต่ยังเหลือคนไทยอีกจำนวน 2 คนที่โดนข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง จากจำนวน 92 คนที่โดนข้อหาบุกรุกเข้าประเทศพม่าเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ในส่วน 2 คนที่เหลือทางการพม่ากำลังดูความประพฤติเพื่อทำเรื่องขออภัยโทษส่งไปยังรัฐบาลกลางพม่า
จากกรณีที่ทางการพม่าได้จับกุม 92 คนไทยที่เข้าไปบุกรุกพื้นที่ประเทศพม่าเพื่อเข้าไปทำสวนยางพารา และปาล์มน้ำมัน บริเวณบ้านอินทนินขวาง ติดกับบ้านในกรัง ม.9 ตำบล จ.ป.ร จังหวัดระนอง เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา โดยทางการพม่าตั้งข้อหา 92 คนไทย ประกอบด้วย คดีหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทำลายทรัพยากรป่าไม้ มีอาวุธปืน และมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ต่อมา มีการอภัยโทษคนไทยจำนวน 83 คน และทางกระทรวงการต่างประเทศของไทยพยายามให้การช่วยเหลือเพื่อให้ทางพม่าปล่อยตัว 9 คนไทยที่เหลือ
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 เวลาประมาณ 20.00 น. พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ได้นำคนไทย 7 คน ที่ถูกทางพม่าจับกุมในข้อหามีอาวุธปืน จากจังหวัดเกาะสองประเทศพม่ากลับมายังจังหวัดระนอง หลังจากช่วงเวลาประมาณ 15.00 น.ที่ผ่านมาได้รับการประสานงานจากทางการพม่าว่า ได้มีการอภัยโทษคนไทย จำนวน 7 คน ออกจากเรือนจำเก้าไมค์ จังหวัดเกาะสองแล้ว ประกอบด้วย 1.นายสมชาย สาวถี อายุ 35 จ.กระบี่ 2.นายพินิจ อรุณ อายุ 49 ปี จ.กระบี่ 3.นายเสกสรรค์ วงกาสา อายุ 40 ปี จ.สุราษฎร์ธานี 4.นายสงวน กลัดแสง อายุ 53 ปี จ.ประจวบฯ 5.นายสมพร กลัดแสง อายุ 29 ปี จ.ประจวบฯ 6.นายวินัย ศิริวัฒน์ อายุ 53 ปี จ.นครศรีธรรมราช และ 7.นายนิพนธ์ พิมพ์ภักดี อายุ 60 ปี จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งหลังรับตัวกลับมาได้พาตัวไปทำการสอบสวนที่หน่วยเฉพาะกิจ พร้อมทำประวัติ จากนั้นจะได้ให้ญาติมารับตัวกลับบ้านเหมือนอย่างชุดคนไทย 83 คน
พ.อ.อุทิศ กล่าวว่า เดิมทีเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยกำลังดำเนินเรื่องเพื่อขอเข้าเยี่ยม 9 คนไทยที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำเก้าไมล์ แต่ก็ได้รับข่าวดีมากที่ทางการพม่าได้ประสานงานผ่านมายังศูนย์ประสานงานชายแดนไทย-พม่า ให้มารับตัวคนไทยที่ถูกดำเนินคดีในข้อหามีอาวุธปืนกลับประเทศ หลังจากที่ได้รับการอภัยโทษจากรัฐบาลกลางพม่า โดยให้ไปรับตัวที่เรือนจำเก้าไมค์ พร้อมทำประวัติทุกคนก่อนกลับบ้าน ซึ่งเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก หลังจากดำเนินการในขั้นตอนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแล้ว จะให้ญาติพากลับบ้าน โดยทุกคนมีสุขภาพที่ดี ทางการพม่าดูแลเป็นอย่างดีทุกคน ซึ่งในส่วน 2 คนที่เหลือ ทราบว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือเดินทางกลับบ้านให้เร็วที่สุด
จากกรณีที่ทางการพม่าได้จับกุม 92 คนไทยที่เข้าไปบุกรุกพื้นที่ประเทศพม่าเพื่อเข้าไปทำสวนยางพารา และปาล์มน้ำมัน บริเวณบ้านอินทนินขวาง ติดกับบ้านในกรัง ม.9 ตำบล จ.ป.ร จังหวัดระนอง เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา โดยทางการพม่าตั้งข้อหา 92 คนไทย ประกอบด้วย คดีหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทำลายทรัพยากรป่าไม้ มีอาวุธปืน และมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ต่อมา มีการอภัยโทษคนไทยจำนวน 83 คน และทางกระทรวงการต่างประเทศของไทยพยายามให้การช่วยเหลือเพื่อให้ทางพม่าปล่อยตัว 9 คนไทยที่เหลือ
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 เวลาประมาณ 20.00 น. พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ได้นำคนไทย 7 คน ที่ถูกทางพม่าจับกุมในข้อหามีอาวุธปืน จากจังหวัดเกาะสองประเทศพม่ากลับมายังจังหวัดระนอง หลังจากช่วงเวลาประมาณ 15.00 น.ที่ผ่านมาได้รับการประสานงานจากทางการพม่าว่า ได้มีการอภัยโทษคนไทย จำนวน 7 คน ออกจากเรือนจำเก้าไมค์ จังหวัดเกาะสองแล้ว ประกอบด้วย 1.นายสมชาย สาวถี อายุ 35 จ.กระบี่ 2.นายพินิจ อรุณ อายุ 49 ปี จ.กระบี่ 3.นายเสกสรรค์ วงกาสา อายุ 40 ปี จ.สุราษฎร์ธานี 4.นายสงวน กลัดแสง อายุ 53 ปี จ.ประจวบฯ 5.นายสมพร กลัดแสง อายุ 29 ปี จ.ประจวบฯ 6.นายวินัย ศิริวัฒน์ อายุ 53 ปี จ.นครศรีธรรมราช และ 7.นายนิพนธ์ พิมพ์ภักดี อายุ 60 ปี จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งหลังรับตัวกลับมาได้พาตัวไปทำการสอบสวนที่หน่วยเฉพาะกิจ พร้อมทำประวัติ จากนั้นจะได้ให้ญาติมารับตัวกลับบ้านเหมือนอย่างชุดคนไทย 83 คน
พ.อ.อุทิศ กล่าวว่า เดิมทีเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยกำลังดำเนินเรื่องเพื่อขอเข้าเยี่ยม 9 คนไทยที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำเก้าไมล์ แต่ก็ได้รับข่าวดีมากที่ทางการพม่าได้ประสานงานผ่านมายังศูนย์ประสานงานชายแดนไทย-พม่า ให้มารับตัวคนไทยที่ถูกดำเนินคดีในข้อหามีอาวุธปืนกลับประเทศ หลังจากที่ได้รับการอภัยโทษจากรัฐบาลกลางพม่า โดยให้ไปรับตัวที่เรือนจำเก้าไมค์ พร้อมทำประวัติทุกคนก่อนกลับบ้าน ซึ่งเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก หลังจากดำเนินการในขั้นตอนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแล้ว จะให้ญาติพากลับบ้าน โดยทุกคนมีสุขภาพที่ดี ทางการพม่าดูแลเป็นอย่างดีทุกคน ซึ่งในส่วน 2 คนที่เหลือ ทราบว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือเดินทางกลับบ้านให้เร็วที่สุด