กรุงเทพฯ - สมาคมเครือข่ายประมงพื้นบ้านอ่าวท่าศาลาบุก สผ. ค้านท่าเรือเชฟรอน ประกาศเดินหน้ารักษาอ่าวทองคำเป็นแหล่งผลิตอาหาร
วันนี้ (22 พ.ย.) เวลา 13.00 น. สมาคมเครือข่ายประมงพื้นบ้านอ่าวท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางมายังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ส.ผ.) เข้ายื่นหนังสือคัดค้านมติความเห็นชอบของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพ (EHIA) กรณี “โครงการก่อสร้างศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย” ของบริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ด้วยเหตุผลว่า กระบวนการพิจารณาและการให้ความเห็นชอบโครงการไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายผังเมือง
ทั้งนี้ เครือข่ายระบุในหนังสือที่ยื่นต่อ สผ. ว่า รายงานวิเคราะห์ผลกระทบฯ ซึ่ง คชก. ให้ความเห็นชอบยังมีความบกพร่องในข้อมูล และข้อเท็จจริงหลายประการได้แก่ การเลือกพื้นที่ตั้งโครงการขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ การกำหนดขอบเขตพื้นที่เพื่อศึกษาผลกระทบของโครงการไม่ครอบคลุมพื้นที่ และผู้ที่จะได้รับผลกระทบที่แท้จริง การดำเนินโครงการจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศเฉพาะทางทะเลและชายฝั่งของพื้นที่อ่าวท่าศาลา ซึ่งเป็นแหล่งประมงที่สำคัญของประเทศไทย และเป็นหัวใจของชุมชนประมง แต่กลับไม่ได้รับการกล่าวถึงในรายงานฯ นอกจากนี้ การพิจารณาเห็นชอบโครงการละเลยข้อมูลด้านการกำหนดการใช้ประโยชน์พื้นที่ ขัดต่อเจตนารมณ์ตามร่างกฎกระทรวงบังคับใช้ผังเมืองรวมจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งกำหนดให้บริเวณพื้นที่ตั้งโครงการเป็นพื้นที่ชนบท และเกษตรกรรม ห้ามมิให้มีอุตสาหกรรมกิจกรรมการเก็บ-ลำเลียงวัตถุอันตราย
นายสันติ บุญประคับ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผยทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ยืนยันว่า คชก. ได้พิจารณารายงานโดยรอบคอบแล้วในทุกด้าน ตามรายงาน และข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด ณ ขณะที่พิจารณา อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีนักวิชาการหลายกลุ่มออกมาให้ความเห็นว่ายังมีข้อมูล และข้อเท็จจริงสำคัญอื่นๆ ของพื้นที่อีกจำนวนมากที่ คชก. ไม่นำมาประกอบการพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงาน EHIA ของโครงการ
จากการตอบคำถามของเลาธิการ สผ. ทำให้สมาคมเครือข่ายประมงพื้นบ้านอ่าวท่าศาลา มีความเห็นร่วมกันว่า “แนวทางการต่อสู้ด้วยการนำเสนอข้อมูลวิชาการของพื้นที่ที่ผ่านมาไม่เพียงพอที่จะทำให้ สผ. หันมารับฟังได้ และไม่เพียงพอที่จะปกป้องพื้นที่ผลิตอาหารอ่าวท่าศาลา ดังนั้น แนวทางการเคลื่อนไหวต่อไปของสมาคมและเครือข่ายอื่นๆ จะใช้บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิชุมชนปกป้องทรัพยากร วิถีชีวิต และเศรษฐกิจชุมชน รวมพลังเพื่อการยืนยันเจตนารมณ์รักษาอ่าวท่าศาลาไว้เป็นพื้นที่ผลิตอาหาร” นายสุพร โต๊ะเสน นายกสมาคมประมงพื้นบ้านอ่าวท่าศาลากล่าว
ทั้งนี้ นายประสิทธิชัย หนูนวล เครือข่ายรักษ์บ้านเกิดท่าศาลา กล่าวกับ สผ. ว่า “ภารกิจในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพื่อปกป้องคนท่าศาลาเท่านั้น แต่เป็นการปกป้องแหล่งอาหารให้แก่คนทั้งประเทศ สอดคล้องกับวิกฤตอาหาร และวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก การทำหน้าที่ของคนท่าศาลาจึงเป็นการทำหน้าที่เพื่อคนไทยทุกคน และเราไม่ควรทำลายศักยภาพของเราเองคือ ความเป็นผู้มั่งคั่งด้านการผลิตอาหาร
ในกรณีนี้ สผ. มีสิทธิที่จะดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมย์ของสหประชาชาติ หรือจะสนองเจตนารมณ์ของบริษัทข้ามชาติที่ทำลายสิ่งแวดล้อมมาแล้วทั่วโลกก็ทำได้ แต่ท้ายที่สุด เลขาฯ สผ.ก็ตอบประชาชนว่าเลือกที่จะยืนอยู่ข้างบริษัทเชฟรอน ชุมชนจึงต้องใช้แนวทางอื่นในการต่อสู้ต่อไป”