xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ค้นบ้าน-ห้องทำงาน 2 พี่น้อง “ชูช่วย” ออกหมายจับเครือข่ายทีมฆ่า “นายกฯ พีระ” เพิ่มอีก 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 9 เข้าตรวจค้นบ้านพัก แมนชัน และห้องทำงานของ 2 พี่น้องตระกูล “ชูช่วย” เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงคดีฆ่านายกเทศมนตรีนครสงขลา พร้อมออกหมายจับเครือข่ายซุ้มมือปืนใน จ.พัทลุง เพิ่มอีก 1 ราย

วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข รอง ผบช.ภาค 9 ได้เรียกประชุมตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 9 หรือหน่วยสวาทแอ๊ดวานด์ เพื่อกำหนดจุดเป้าหมาย และวางแผนการเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยที่อาจจะเชื่อมโยงกับคดีฆ่านายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา

โดยได้วางแผนเข้าตรวจพื้นที่เขตเทศบาลนครสงขลา 3 จุด ซึ่งล้วนเป็นสถานที่ของบุคคลสำคัญ คือ บ้านเลขที่ 509 และ MN แมนชัน เลขที่ 509/1 ตั้งอยู่ถนนนครนอก ซึ่งเป็นบ้านพัก และแมนชันของนายกิตติ ชูช่วย น้องชายของนายอุทิศ ชูช่วย นายกเทศมนตรีนครสงขลา ส่วนจุดที่ 3 เป็นห้องทำงานของนายอุทิศ ชูช่วย ที่อยู่ภายในองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา

โดยก่อนที่จะกระจายกำลังลงพื้นที่เข้าตรวจค้น พ.ต.อ.สุนทร เฉลิมเกียรติ รอง ผบก.สส.ภาค 9 ได้เข้าตรวจค้นที่บ้านพัก และแมนชันของนายกิตติ ซึ่งอยู่ติดกัน โดยพบเพียงนางสุกัญญา ชูช่วย ภรรยาของนายกิตติ อยู่ภายในบ้าน และให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี โดยเจ้าหน้าที่ได้เน้นการหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดภายในแมนชัน แต่ปรากฏว่า กล้องวงจรปิดถูกถอดออกไปทั้งหมด เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ยึดสมุดบัญชีธนาคาร กล้องถ่ายรูป และเอกสารบางอย่างภายในบ้านพักและแมนชันของนายกิตติไปตรวจสอบ

ทั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทราบว่า ก่อนหน้านี้นายนิวัฒน์ รัตน์แก้ว ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเคยเข้าไปพักอยู่ในแมนชันดังกล่าว ขณะที่นายกิตตินั้น ภรรยาให้การว่า ได้ออกจากบ้านไปตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุยิงนายพีระ

และในเวลาเดียวกัน พล.ต.ต.ชินทัต มีศุข รอง ผบช.ภาค 9 ได้นำกำลังหน่วยสวาทแอ๊ดวานด์ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเดินทางไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เพื่อเข้าตรวจค้นภายในห้องทำงานของนายอุทิศ ชูช่วย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ซึ่งขณะเข้าค้นเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในห้องทำงานเช่นเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ยึดเอกสารโครงการต่างๆ ของ อบจ.สงขลา ไปตรวจสอบเพื่อหาประเด็นความขัดแย้ง โดยเฉพาะโครงการสร้างกระเช้าลอยฟ้าซึ่งเป็นประเด็นสงสัยมาก่อนหน้านี้

พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 9 เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีว่า การคลี่คลายคดีนี้ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจน โดยทางชุดสืบสวนยังคงลงพื้นที่ติดตามจับกุมนายนิวัฒน์ ซึ่งคาดว่าน่าจะกบดานอยู่ในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง โดยเน้นเป้าหมายที่เป็นเครือข่ายของซุ้มมือปืนซุ้มนี้ หรือเพื่อนของนายนิวัฒน์ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมีคดีฆ่าติดตัว และเจ้าหน้าที่มีข้อมูลอยู่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่ตั้งค่าหัวนายนิวัฒน์ เนื่องจากเชื่อว่าจะสามารถจับกุมได้เพราะประชาชน และญาติของนายพีระได้ช่วยแจ้งเบาะแสให้แก่เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง และกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกๆ คน ทั้งมือปืน ผู้จ้างวาน และผู้บงการ หากสาวไปถึงใคร และมีหลักฐานชัดเจนก็จะออกหมายจับทันที

ทั้งนี้ หลักฐานสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อาจจะเป็นกุญแจสำคัญในคดีนี้คือ อาวุธปืนเอ็ม 16 ที่ยึดได้จากบ้านกำนันใน ต.บ่อแดง อ.สทิงพระ จ.สงขลา รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องซึ่งอยู่ในคูระบายน้ำข้างขนส่งรีสอร์ต ซึ่งขณะนี้ กำลังรอผลการตรวจพิสูจน์ หากเป็นของคนร้าย และตรงกับคดีนี้ก็จะสามารถสาวไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้

และล่าสุด วันนี้ (19 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับนายฉ้วน หมวดมี อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 313 ม.1 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ในข้อหามีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นที่บ้านพักใน อ.ป่าพะยอม เมื่อวานนี้ และยึดอาวุธปืน และเครื่องกระสุนได้จำนวนหนึ่ง แต่ไม่พบตัวนายฉ้วน เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา และออกหมายจับ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นายฉ้วนอยู่ในเครือข่ายเดียวกันกับนายไพศาล หนูพันธ์ และนายนิวัฒน์ รัตน์แก้ว สองผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับไปแล้ว เพียงแต่ยังไม่พบหลักฐานว่าร่วมก่อเหตุฆ่านายพีระด้วยหรือไม่ แต่พบความเชื่อมโยงกับเจ้าของรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ สี่ประตู ของคนร้าย ที่ถูกจอดทิ้งไว้ที่สถานีขนส่งเมืองสงขลา ซึ่งทำหน้าที่เป็นรถคุ้มกันทีมมือปืน


 
 






กำลังโหลดความคิดเห็น