นราธิวาส - เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เร่งแกะรอย จยย.บอมบ์ และคาร์บอมบ์ 2 จุด คาดเป็นฝีมือกลุ่มนายอับดุลฮัจซัน และพวกอีกอย่างน้อย 3 คน ร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้
สำหรับความคืบหน้ากรณีเหตุคนร้ายวางระเบิด จยย.บอมบ์ และคาร์บอมบ์ จำนวน 2 จุด ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 29/11 ซึ่งเป็นบ้านพักของนายฉกรรจ์ นวลจันทร์ เจ้าหน้าที่สำนักงานสงเคราะห์การทำสวนยาง อ.รือเสาะ และหน้าบ้านเลขที่ 196 ซึ่งเป็นบ้านพักของ จ.ส.ต.หญิง เพ็ญพิมล จันทมะโน เจ้าหน้าที่ธุรการ สภ.รือเสาะ ในช่วงเย็นของวันที่ 3 พ.ย.55 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บ 16 รายนั้น
จากการสืบสวนสอบสวนของ พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สส.ภ.จ.นราธิวาส และ ร.ต.ท.ศรีธนน สำลี พนักงานสอบสวน สภ.รือเสาะ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมเดินทางไปทยอยสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องจากบุคคลทั้ง 16 คน อยู่ในเหตุการณ์ และคาดว่าน่าจะจดจำใบหน้า และรูปพรรณของคนร้ายได้บ้าง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลุ่มคนร้ายถือว่ามีความอุอาจ ที่นำรถที่ประกอบระเบิดไปจอดในระหว่างผู้บาดเจ็บกำลังนั่งอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ
นอกจากนี้ แนวทางในการสืบสวนในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการประสานไปยังนายณรงค์ จันทร์เต็ม ซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการบรรทุกระเบิดแสวงเครื่องไปจอดไว้หน้าบ้านพักของนายฉกรรจ์ ที่ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เช็กประวัติรถคันดังกล่าว พบว่าถูกระงับการใช้งาน ว่านายณรงค์ ได้ขายไปให้ผู้ใด พร้อมทั้งได้ทำการประสานไปยังนายสะรี สาและ ซึ่งเป็นเจ้าของทะเบียนรถยนต์กระบะ หมายเลข น 4145 นราธิวาส ที่คนร้ายได้นำไปสวมไว้กับรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสันสีน้ำเงิน ที่คนร้ายได้ลบหมายเลขเครื่อง และตัวถังออก ก่อนที่จะนำไปจอดวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าบ้านพักของ จ.ส.ต.หญิงเพ็ญพิมล ว่าได้แจ้งหายไว้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งเป็นแนวทางในการเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ
รวมทั้งรอผลตรวจสอบจากซิมโทรศัพท์มือถือที่คนร้ายได้จุดชนวนว่า เป็นหมายเลขของผู้ใด เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ส่งภาพวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายไว้ได้ในละแวกจุดเกิดเหตุไปให้ผู้เชี่ยวชาญที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ทำการขยายภาพเพื่อให้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น แล้วนำไปเปรียบเทียบกับคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ ว่ารูปพรรณสัณฐานตรง และคล้ายคลึงกับคนร้ายคนใด รวมไปถึงให้พยานบุคคลที่ได้รับบาดเจ็บ และอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ดูว่ามีรูปพรรณสัณฐานตรงกันหรือไม่ เพื่อที่จะรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อที่จะขอศาล จ.นราธิวาส ออกหมายจับต่อไป
และจากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเบื้องต้นคาดว่า เป็นฝีมือการกระทำของสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ RKK กลุ่มนายอับดุลฮัจซัน ที่เกี่ยวโยงกับคดีปล้นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน กบ 5960 สงขลา ของนายเจริญ แกมทอง เหตุเกิดบ้านปูโป ม.2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 ต.ค.55 ที่ผ่านมา แล้วนำไปประกอบระเบิดคาร์บอมบ์วางไว้บริเวณหน้าห้องอาหารคอฟฟี่เฮาส์ของโรงแรมตาบาพลาซ่า อ.ตากใบ เมื่อคืนวันที่ 20 ต.ค.55 ที่ผ่านมา
โดยมีสมาชิกแนวร่วมของนายอับดุลฮัจซัน อย่างน้อยอีก 3 คน ร่วมก่อเหตุในพื้นที่อำเภอรือเสาะ ทั้ง 2 จุดด้วย คือ นายแวฮามะ นายมะอีซอ และนายอับดุลลาพะ ซึ่งเป็นคนในพื้นที่บ้านกาโด๊ะ ม.4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้แฝงตัวสืบสวนสอบสวน และติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด และคาดว่าหากคดีนี้มีหลักฐานเกี่ยวโยงพัวพัน และรู้เห็นเจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมตัวได้ทันที
สำหรับความคืบหน้ากรณีเหตุคนร้ายวางระเบิด จยย.บอมบ์ และคาร์บอมบ์ จำนวน 2 จุด ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 29/11 ซึ่งเป็นบ้านพักของนายฉกรรจ์ นวลจันทร์ เจ้าหน้าที่สำนักงานสงเคราะห์การทำสวนยาง อ.รือเสาะ และหน้าบ้านเลขที่ 196 ซึ่งเป็นบ้านพักของ จ.ส.ต.หญิง เพ็ญพิมล จันทมะโน เจ้าหน้าที่ธุรการ สภ.รือเสาะ ในช่วงเย็นของวันที่ 3 พ.ย.55 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บ 16 รายนั้น
จากการสืบสวนสอบสวนของ พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สส.ภ.จ.นราธิวาส และ ร.ต.ท.ศรีธนน สำลี พนักงานสอบสวน สภ.รือเสาะ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมเดินทางไปทยอยสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องจากบุคคลทั้ง 16 คน อยู่ในเหตุการณ์ และคาดว่าน่าจะจดจำใบหน้า และรูปพรรณของคนร้ายได้บ้าง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลุ่มคนร้ายถือว่ามีความอุอาจ ที่นำรถที่ประกอบระเบิดไปจอดในระหว่างผู้บาดเจ็บกำลังนั่งอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ
นอกจากนี้ แนวทางในการสืบสวนในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการประสานไปยังนายณรงค์ จันทร์เต็ม ซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการบรรทุกระเบิดแสวงเครื่องไปจอดไว้หน้าบ้านพักของนายฉกรรจ์ ที่ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เช็กประวัติรถคันดังกล่าว พบว่าถูกระงับการใช้งาน ว่านายณรงค์ ได้ขายไปให้ผู้ใด พร้อมทั้งได้ทำการประสานไปยังนายสะรี สาและ ซึ่งเป็นเจ้าของทะเบียนรถยนต์กระบะ หมายเลข น 4145 นราธิวาส ที่คนร้ายได้นำไปสวมไว้กับรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสันสีน้ำเงิน ที่คนร้ายได้ลบหมายเลขเครื่อง และตัวถังออก ก่อนที่จะนำไปจอดวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าบ้านพักของ จ.ส.ต.หญิงเพ็ญพิมล ว่าได้แจ้งหายไว้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งเป็นแนวทางในการเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ
รวมทั้งรอผลตรวจสอบจากซิมโทรศัพท์มือถือที่คนร้ายได้จุดชนวนว่า เป็นหมายเลขของผู้ใด เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ส่งภาพวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายไว้ได้ในละแวกจุดเกิดเหตุไปให้ผู้เชี่ยวชาญที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ทำการขยายภาพเพื่อให้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น แล้วนำไปเปรียบเทียบกับคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ ว่ารูปพรรณสัณฐานตรง และคล้ายคลึงกับคนร้ายคนใด รวมไปถึงให้พยานบุคคลที่ได้รับบาดเจ็บ และอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ดูว่ามีรูปพรรณสัณฐานตรงกันหรือไม่ เพื่อที่จะรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อที่จะขอศาล จ.นราธิวาส ออกหมายจับต่อไป
และจากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเบื้องต้นคาดว่า เป็นฝีมือการกระทำของสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ RKK กลุ่มนายอับดุลฮัจซัน ที่เกี่ยวโยงกับคดีปล้นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน กบ 5960 สงขลา ของนายเจริญ แกมทอง เหตุเกิดบ้านปูโป ม.2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 ต.ค.55 ที่ผ่านมา แล้วนำไปประกอบระเบิดคาร์บอมบ์วางไว้บริเวณหน้าห้องอาหารคอฟฟี่เฮาส์ของโรงแรมตาบาพลาซ่า อ.ตากใบ เมื่อคืนวันที่ 20 ต.ค.55 ที่ผ่านมา
โดยมีสมาชิกแนวร่วมของนายอับดุลฮัจซัน อย่างน้อยอีก 3 คน ร่วมก่อเหตุในพื้นที่อำเภอรือเสาะ ทั้ง 2 จุดด้วย คือ นายแวฮามะ นายมะอีซอ และนายอับดุลลาพะ ซึ่งเป็นคนในพื้นที่บ้านกาโด๊ะ ม.4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้แฝงตัวสืบสวนสอบสวน และติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด และคาดว่าหากคดีนี้มีหลักฐานเกี่ยวโยงพัวพัน และรู้เห็นเจ้าหน้าที่จะสามารถจับกุมตัวได้ทันที