ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจท่องเที่ยวกองกำกับการ 5 รวบ 2 คนร้ายต่างชาติชาวบัลแกเรียคาตู้เอทีเอ็ม หลังก่อเหตุใช้อุปกรณ์ แฮกข้อมูลบัตรเครดิตติดตั้งที่ตู้เอทีเอ็มในพื้นที่กะรน เพื่อคัดลอกข้อมูลก่อนส่งไปให้เอเยนต์ทำบัตรปลอม ยึดอุปกรณ์ได้เพียบ
เมื่อเวลา 9.00 น. วันนี้ (5 พ.ย.) กองกับการตำรวจท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ร.ต.อ.สมเดช สาระบรรณ รองสารวัตรงานสืบสวนกองบัญชาการ 2 ช่วยราชการงานสืบสวน กองกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายแดเวล ดิมิทรอฟ (TERVEL DIMITROV สัญชาติบัลแกเรีย อายุ 31 ปี และนายสเต็นคอฟ อันโจ ฮาริโทนอฟ ( STENKOV ANCHO HARITONOV สัญชาติบัลแกเรีย อายุ 33 ปี ไม่พกหนังสือเดินทางติดตัว พร้อมด้วยของกลาง กาวน้ำจำนวน 2 หลอด วัตถุปลายแหลมแบนด้ามทำด้วยไม้ยาวประมาณ 5 นิ้ว จำนวน 1 อัน ช่องสำหรับสอดบัตรเอทีเอ็ม ทำด้วยพลาสติกสีขาวขุ่น จำนวน 12 อัน ฝาครอบช่องสอดบัตรเอทีเอ็มสีเงิน มีแผงวงจรติดอยู่ด้านหลัง จำนวน 1 ชิ้น
นอกจากนั้น ยังมีเทปกาว จำนวน 6 ม้วน บัตรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 2 ใบ มีตัวอักษร nectar 1 ใบ และอักษร ferwash 1 ใบ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 6 ชิ้น แป้นกดหมายเลขทำด้วยโลหะสีเงิน จำนวน 1 ชิ้น สิ่วปลายแหลมแบน จำนวน 2 ชิ้น ตะไบ จำนวน 6 อัน ปืนยิงกาว จำนวน 1 ชิ้น หัวแร้ง 1 ชิ้น เครื่องมือวัดไฟฟ้าดิจิตอลมัลติมิเตอร์จำนวน 1 เครื่อง
สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เนื่องจากทางตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตได้รับแจ้งจากพนักงานเติมเงินตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนปฏัก ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า พบพิรุธที่ช่องเสียบบัตร และปุ่มกดของตู้เอทีเอ็ม มีลักษณะถูกครอบด้วยแป้นกดหมายเลขโลหะ และฝากรอบช่องเสียบบัตร หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.ยศวีร์ พรพีรพาน ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว สั่งการให้ พ.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย พ.ต.ท.นิคม เทียนห้าว สารวัตรงานสืบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ร.ต.อ.สมเดช สาระบรรณ รองสารวัตรงานสืบสวนกองบัญชาการ 2 ช่วยราชการงานสืบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ลงพื้นที่ตรวจสอบ และซุ่มดูพฤติกรรมของคนร้าย
จนกระทั่งเวลา 20.00 น. พบชายชาวต่างชาติเข้าไปพยายามแกะอุปกรณ์แปลกปลอมออกจากตู้เอทีเอ็ม จึงแสดงตัวเข้าจับกุมที่บริเวณริมถนนปฏัก ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน หลบหนีไปได้ 1 คน หลังจากจับกุมตัวได้จึงนำตัวไปตรวจค้นภายในห้องพักของบังกะโลแห่งหนึ่ง ทางเข้าโรงแรมเลอเมอร์ริเดียน ป่าตอง พบของกลางตามรายการดังกล่าว จึงนำตัวมาสอบปากคำที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาส่งสถานีตำรวจภูธรฉลองดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันกับพวกทำ หรือมีเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปใช้ทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม และเข้ามาในราชอาณาจักร ไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตาม จากสอบสวนในเบื้องทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนำเครื่องสกรีมเมอร์หรือตัวก๊อบปี้ข้อมูลไปติดที่เครื่องเอทีเอ็มในช่วงที่ปลอดคน เพื่อแฮกข้อมูลจากบัตรเอทีเอม และบัตรเครดิตที่ประชาชน หรือนักท่องเที่ยวนำเข้าไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มดังกล่าว หลังจากนั้นจะไปเก็บอุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ออกจากตัวเครื่อง เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปลงในคอมพิวเตอร์ ก่อนจะส่งข้อมูลที่ได้ไปขายต่อให้แก่เอเยนต์ในต่างประเทศ รวมทั้งเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ของประเทศไทย เช่นที่พัทยา เพื่อนำข้อมูลไปทำบัตรเครดิต หรือบัตรเอทีเอ็มเพื่อนำไปกดเงินตามที่ต่างๆ
ร.ต.อ.สมเดช สาระบรรณ รองสารวัตรงานสืบสวนกองบัญชาการ 2 ช่วยราชการงานสืบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้เป็นการจับกุมได้ขณะที่ลงมือก่อเหตุ หลังสามารถจับกุมได้พร้อมของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด และเชื่อว่าน่าจะทำเป็นขบวนการ ซึ่งในการเฝ้าติดตามนั้นจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป
เมื่อเวลา 9.00 น. วันนี้ (5 พ.ย.) กองกับการตำรวจท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ร.ต.อ.สมเดช สาระบรรณ รองสารวัตรงานสืบสวนกองบัญชาการ 2 ช่วยราชการงานสืบสวน กองกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายแดเวล ดิมิทรอฟ (TERVEL DIMITROV สัญชาติบัลแกเรีย อายุ 31 ปี และนายสเต็นคอฟ อันโจ ฮาริโทนอฟ ( STENKOV ANCHO HARITONOV สัญชาติบัลแกเรีย อายุ 33 ปี ไม่พกหนังสือเดินทางติดตัว พร้อมด้วยของกลาง กาวน้ำจำนวน 2 หลอด วัตถุปลายแหลมแบนด้ามทำด้วยไม้ยาวประมาณ 5 นิ้ว จำนวน 1 อัน ช่องสำหรับสอดบัตรเอทีเอ็ม ทำด้วยพลาสติกสีขาวขุ่น จำนวน 12 อัน ฝาครอบช่องสอดบัตรเอทีเอ็มสีเงิน มีแผงวงจรติดอยู่ด้านหลัง จำนวน 1 ชิ้น
นอกจากนั้น ยังมีเทปกาว จำนวน 6 ม้วน บัตรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 2 ใบ มีตัวอักษร nectar 1 ใบ และอักษร ferwash 1 ใบ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 6 ชิ้น แป้นกดหมายเลขทำด้วยโลหะสีเงิน จำนวน 1 ชิ้น สิ่วปลายแหลมแบน จำนวน 2 ชิ้น ตะไบ จำนวน 6 อัน ปืนยิงกาว จำนวน 1 ชิ้น หัวแร้ง 1 ชิ้น เครื่องมือวัดไฟฟ้าดิจิตอลมัลติมิเตอร์จำนวน 1 เครื่อง
สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เนื่องจากทางตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ตได้รับแจ้งจากพนักงานเติมเงินตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนปฏัก ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่า พบพิรุธที่ช่องเสียบบัตร และปุ่มกดของตู้เอทีเอ็ม มีลักษณะถูกครอบด้วยแป้นกดหมายเลขโลหะ และฝากรอบช่องเสียบบัตร หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.ยศวีร์ พรพีรพาน ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว สั่งการให้ พ.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย พ.ต.ท.นิคม เทียนห้าว สารวัตรงานสืบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ร.ต.อ.สมเดช สาระบรรณ รองสารวัตรงานสืบสวนกองบัญชาการ 2 ช่วยราชการงานสืบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ลงพื้นที่ตรวจสอบ และซุ่มดูพฤติกรรมของคนร้าย
จนกระทั่งเวลา 20.00 น. พบชายชาวต่างชาติเข้าไปพยายามแกะอุปกรณ์แปลกปลอมออกจากตู้เอทีเอ็ม จึงแสดงตัวเข้าจับกุมที่บริเวณริมถนนปฏัก ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน หลบหนีไปได้ 1 คน หลังจากจับกุมตัวได้จึงนำตัวไปตรวจค้นภายในห้องพักของบังกะโลแห่งหนึ่ง ทางเข้าโรงแรมเลอเมอร์ริเดียน ป่าตอง พบของกลางตามรายการดังกล่าว จึงนำตัวมาสอบปากคำที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาส่งสถานีตำรวจภูธรฉลองดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันกับพวกทำ หรือมีเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปใช้ทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม และเข้ามาในราชอาณาจักร ไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตาม จากสอบสวนในเบื้องทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนำเครื่องสกรีมเมอร์หรือตัวก๊อบปี้ข้อมูลไปติดที่เครื่องเอทีเอ็มในช่วงที่ปลอดคน เพื่อแฮกข้อมูลจากบัตรเอทีเอม และบัตรเครดิตที่ประชาชน หรือนักท่องเที่ยวนำเข้าไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มดังกล่าว หลังจากนั้นจะไปเก็บอุปกรณ์ที่ติดตั้งไว้ออกจากตัวเครื่อง เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปลงในคอมพิวเตอร์ ก่อนจะส่งข้อมูลที่ได้ไปขายต่อให้แก่เอเยนต์ในต่างประเทศ รวมทั้งเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ของประเทศไทย เช่นที่พัทยา เพื่อนำข้อมูลไปทำบัตรเครดิต หรือบัตรเอทีเอ็มเพื่อนำไปกดเงินตามที่ต่างๆ
ร.ต.อ.สมเดช สาระบรรณ รองสารวัตรงานสืบสวนกองบัญชาการ 2 ช่วยราชการงานสืบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้เป็นการจับกุมได้ขณะที่ลงมือก่อเหตุ หลังสามารถจับกุมได้พร้อมของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด และเชื่อว่าน่าจะทำเป็นขบวนการ ซึ่งในการเฝ้าติดตามนั้นจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป
