กระบี่ - ม็อบสวนปาล์มเดือด คนร้ายซุ่มยิงเจ็บ 2 ขณะกำลังวางท่อทำถนนภายในสวนปาล์ม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ตั้งปมการลอบยิงในครั้งนี้
เวลา 09.00 น.วันนี้ (31 ต.ค.) พ.ต.ท.ประเสริฐ หนูทอง สารวัตรเวรสืบสวน สภ.คลองขนาน จ.กระบี่ รับแจ้งมีเหตุยิงกันภายในสวนปาล์มน้ำมันขาดอายุสัมปทานของนายสุนทร เจียวก๊ก ในพื้นที่ ม.2 ต.คลองขนาน จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.วิสันต์ รักมาก สวญ.สภ.คลองขนาน และเจ้าหน้าที่ป่าไม้นับสิบนายรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถแบ็กโฮ สีเขียว จอดอยู่ 1 คัน และห่างออกไปประมาณ 20 เมตร พบปลอกกระสุนอาวุธปืนลูกซอง จำนวน 8 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเหนือคลอง ทราบชื่อนายศิรวุฒิ สระสม อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 ม.2 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ ถูกยิงเข้าที่ต้นขาขวา 1 นัด กระสุนฝังใน แพทย์ทำการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก อนุญาตให้กลับบ้านได้ และผู้บาดเจ็บอีกรายทราบชื่อ นายสุธรรม โชครักษ์ อายุ 40 ปี บ้านอยู่อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถูกยิงเข้าที่น่องขาขวา 1 นัด บาดเจ็บสาหัส แพทย์ทำการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก และให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกระบี่
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ได้นำรถแบ็กโฮเข้าไปปรับพื้นที่เพื่อวางท่อซีเมนต์ ทำถนนเชื่อมกับสวนปาล์มน้ำมันที่ขาดอายุสัมปทานอีกแปลงหนึ่งที่อยู่ที่ติดกัน ซึ่งมีนายศิรวุฒิ เป็นคนขับ และนายสุธรรม คอยช่วยดันท่อซีเมนต์อยู่ด้านข้างรถ โดยมีชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งคอยยืนดูอยู่ห่างๆ และขณะที่ทั้ง 2 กำลังวางท่ออยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ทำให้นายศิรวุฒิ ที่กำลังขับแบ็กโฮ และนายสุธรรมที่ช่วยเหลืออยู่ข้างรถ รวมถึงกลุ่มชาวบ้านที่ยืนดูทั้งสองวางท่อ ก็ได้วิ่งหลบหนีห่ากระสุนกันอย่างอลม่าน และเมื่อสิ้นเสียงปืนก็พบว่าทั้ง 2 ถูกยิง จึงได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลเหนือคลอง และแพทย์ทำการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก จนอาการพ้นขีดอันตราย
พ.ต.ท.วิสันต์ รักมาก สวญ.สภ.คลองขนาน กล่าวว่า สำหรับกลุ่มคนร้ายคาดว่ามีหลายคน มาซุ่มดักรออยู่ก่อนที่ชาวบ้านจะเข้าไปวางท่อซีเมนต์ เมื่อสบโอกาสก็ได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงไม่ยั้ง โดยในเบื้องต้น ยังไม่สามารถสรุปประเด็นที่แน่ชัดชัดได้ จนกว่าจะได้มีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน แต่ให้น้ำหนักไปในเรื่องของการขัดแย้งสวนปาล์มน้ำมัน โดยได้เรียกพยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาทำการสอบปากคำ เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว และหากว่าชาวบ้านมีพยาน หรือหลักฐานสำคัญก็ขอให้นำมามอบให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป