“The Secret Garden” เค้กโฮมเมดแสนอร่อยในสวนสวยกลางเมืองสงขลา

 
เอาใจคนรักเค้ก และคอกาแฟด้วยร้าน “The Secret Garden” ลิ้มลองเค้กโฮมเมดรสชาติดั้งเดิมหลากชนิดที่หมุนเวียนมาให้ชิมไม่รู้เบื่อ อร่อยละมุนลิ้นคู่กับกาแฟถ้วยโปรด หรือสมูทตี้สุดพิเศษ ในร้านน่ารัก บรรยากาศสบายๆ กลางเมืองสงขลา

“The Secret Garden” เป็นร้านเค้กสุดแสนน่ารักซุกตัวอยู่หลังกำแพงสีกาแฟบน ถ.รามัญ ย่านเมืองเก่าสงขลา ทันทีที่ผลักประตูไม้บานสีส้มเดินเข้าไปในร้านจะพบกับสวนเล็กๆ น่ารัก ชวนให้รู้สึกอยากนั่งจิบกาแฟยามบ่าย ลืมกลิ่นอายบรรยากาศทะเล หรือความวุ่นวายในย่านตัวเมืองไปชั่วขณะ


 
เดินผ่านสวนเล็กๆ หน้าร้านเข้าไปในอาคารสีเหลืองสบายตา เค้กหลากหลายชนิดจัดเรียงอยู่ในตู้โชว์อย่างเป็นระเบียบ บางชิ้นคุ้นตา แต่ส่วนมากมักจะไม่ค่อยพบเห็นบ่อยๆ ตามร้านกาแฟทั่วไป เนื่องจากเป็น “เค้กโฮมเมด” ที่ทางร้านทำขึ้นเอง โดยพยายามคงรสชาติดั้งเดิมของต้นตำรับไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 
“คุณต๊อก” หนึ่งในหุ้นส่วนร้าน The Secret Garden เล่าว่า เค้กที่ร้านส่วนใหญ่จะเป็นแบบ “โฮมเมด และแฮนด์เมด” คือ ทำเองที่ร้าน และพยายามใช้อุปกรณ์ทุ่นแรงให้น้อยที่สุด โดย Kabir Orlowst เพื่อนชาวโปแลนด์ที่เป็นหุ้นส่วนร้านอีกหนึ่งคนจะลงมือทำเค้กเอง

ความพิเศษของเค้กแฮนด์เมด คือ หลังจากเตรียมส่วนผสมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จะทำทุกอย่างเองกับมือ ใส่ส่วนผสมทีละอย่าง ตีเอง นำเข้าเตาอบ ปรับระดับความร้อน ถ้าเป็นแบบอุตสาหกรรมทั่วไปก็จะแค่ใส่ส่วนผสมลงไปในเครื่อง แล้วให้เครื่องตีเอง แต่เราใช้เทคโนโลยีน้อย จึงต้องพิถีพิถันมากกว่า และหน้าตาเค้กแต่ละชิ้นก็จะไม่ออกมาเพอร์เฟกต์ หรือเหมือนกันเป๊ะทุกชิ้น เหมือนเราทำอาหารจานหนึ่ง ความหวานอาจจะเหมือนกัน แต่หน้าตาไม่เหมือนกัน หน้าตาเค้กในร้านนี้จึงแตกต่างจากที่อื่น รวมกับกลิ่นไหม้นิดๆ จากการอบ กลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของเค้กในร้าน

 
“เราพยายามจะไม่ใช้พลาสติกแร็ปเค้ก ร้านเค้กในเมืองไทยมักจะหั่นเค้กเป็นชิ้นแล้วแร็ปเค้กไว้ แล้วเวลาจะกินก็ต้องแกะพลาสติกออก คราวนี้เค้กก็จะไม่สวย เราจึงหั่นเค้กตามจุดที่มาร์กไว้ เหมือนเวลาเราไปเที่ยวบ้านเพื่อนฝรั่งแล้วเขาเอาเค้กมาให้เรากิน ก็จะหั่นให้ทีละชิ้น ไม่ได้หั่นเค้กตั้งไว้ ซึ่งมันจะคงความสดของเค้กไว้ได้มากกว่าด้วย” คุณต๊อก เฉลยที่มาของการวางเค้กก้อนใหญ่ไว้ในตู้โชว์หน้าร้าน

สำหรับเค้กภายในร้านก็จะหมุนเวียนเปลี่ยนชนิดกันไปเรื่อยๆ ทางร้านก็จะช่วยกันคิด แล้วลองไปเรื่อยๆ ว่าคนสงขลาชอบเค้กแบบไหน รสชาติยังไง หวานมาก หวานน้อย เพราะช่วงแรกๆ ที่เราทำเค้กออกมา ไม่ค่อยหวานเท่าไหร่ แต่คนจะชอบหวาน ก็พยายามปรับเปลี่ยนเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าไปเรื่อยๆ

ตอนแรกๆ ลูกค้าจะไม่ค่อยชินกับเค้กโฮมเมด เข้ามาแล้วก็จะถามว่าเค้กทำเมื่อไหร่ อยากเอาที่สดๆ ที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ เลย แต่ความจริงแล้วเค้กที่ทำออกมาต้องทิ้งไว้ประมาณ 1-2 วัน จึงจะอร่อยมาก เพราะตัวเนื้อครีมจะเซตตัวพอดี

 
เช่น Red Velvet ซึ่งเป็นเค้กที่มีติดร้านอยู่ตลอด เป็นช็อกโกแลตเค้กแต่สีแดง เป็นนิวยอร์กเค้กที่กำลังนิยมกัน ต้องปล่อยให้ครีมมันเซตตัวสัก 1-2 ชั่วโมง แต่ผมรู้สึกว่า Red Velvet หรือเค้กกำมะหยี่สีแดง ต้องอยู่สักประมาณ 2 วันจึงจะอร่อย เพราะครีมกับเนื้อเค้กจะเข้ากันพอดี ประวัติของเค้กชนิดนี้คือ จะใช้โกโก้ผสมกับเบกกิ้งโซดา แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ตอนนี้ผงโกโก้ที่มีเมื่อผสมกับเบกกิ้งโซดามันจะไม่เปลี่ยนสี จึงต้องใช้สีผสมอาหารแทน แล้วคั่นระหว่างชั้นด้วยครีมชีส หวานๆ มันๆ เวลากินจะไม่เลี่ยน ลูกค้าก็จะถามว่าทำไมกินเค้กแล้วไม่เลี่ยน เราไม่ได้ใช้วิปปิ้งครีมมาตี แต่เราใช่ครีมชีสแทน

 
ทีรามิสุ ก็เป็นพระเอกตัวชูโรงของร้านอีกเมนูหนึ่ง รสชาติหวานกลมกล่อม นุ่มนิ่มละลายในปาก ความพิเศษคือ ในส่วนผสมมันจะต้องใช้เลดี้ฟิงเกอร์ ซึ่งเป็นคล้ายๆ แท่งบิสกิต ทั่วไปเขาจะซื้อจากซูเปอร์มาร์เกตต่างๆ มันก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่ความหอม รสชาติ ความนุ่ม มันจะต่างกัน ทางร้านจึงทำเอง กว่าจะทำเลดี้ฟิงเกอร์เสร็จใช้เวลา 2 วัน ค่อนข้างนาน และพิถีพิถันมาก เราต้องทำเลดี้ฟิงเกอร์ออกมาก่อน แล้วก็ทำครีมชีส จากนั้นก็จะผสมกัน ข้างในก็จะเรียงเป็นชั้นๆ “ทีรามิสุ” เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า Pick me up หรือตักฉันขึ้นมาสิ พอตักขึ้นมาก็จะเห็นว่าเป็นชั้นๆ เป็นอีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของร้านที่ลูกค้าติดใจ




 
นอกจากนี้ ก็ยังมี Cherry & Almond Cake, Cherry Cheesecake, Red Velvet Cupcake, German Plum Cake, Strawberry & Vanilla Tartlets, Lemon & Blueberry Cake และอีกหลายชนิดหมุนเวียนกันไป โดยทุกครั้งที่ทำเค้กออกมา ก็จะแบ่งเค้กส่วนหนึ่งให้พนักงานในร้านลองชิม เพื่อที่ถ้าลูกค้ามาถามก็จะบอกได้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร ทุกคนจะตอบได้หมดว่าในร้านมีเมนูอะไร มีอะไรผสมบ้าง

ส่วนสมูทตี้ ก็เป็นลูกเล่นอีกอย่างหนึ่งของร้านที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เลือกส่วนผสมแต่ละอย่างมามิกซ์กันได้ตามใจ โดยจะมีส่วนผสมทั้งหมดเขียนไว้ในเมนู แล้วลูกค้าก็จะเลือกว่าอยากได้อะไรผสมกันบ้าง ผลตอบรับดีมาก เพราะลูกค้ารู้สึกเป็นกันเอง เหมือนเป็นบ้านของตัวเอง และรู้สึกสนุกที่จะลองคิดเมนูใหม่ๆ แต่เราก็จะแนะนำด้วยว่ารสชาติแต่ละอย่างเป็นอย่างไร

 
ไม่เพียงแต่เค้ก กาแฟ และสมูทตี้เท่านั้น ทุกเย็นวันเสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่ 4 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม ทางร้านก็จะมี “เบอร์เกอร์” เป็นเมนูพิเศษ ทั้งเบอร์เกอร์หมู และเบอร์เกอร์เนื้อ โดยในเบอร์เกอร์ 1 ชิ้นใช้เนื้อ 200 กรัม จึงค่อนข้างเป็นเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ คุณต๊อกเล่าว่า ความตั้งใจแรกคืออยากทำให้เหมือนปาร์ตี้ที่บ้าน อยากเชิญลูกค้ามาสังสรรค์ รวมทั้งเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนกันก็เคยเป็นเชฟทำอาหารมาก่อน น่าจะมีเบอร์เกอร์ แซนด์วิช จะได้กินอาหารคาวไปด้วย ก็พยายามที่จะตอบโจทย์ตรงนี้

 
ส่วนที่มาของชื่อร้าน “The Secret Garden” นั้น คุณต๊อกบอกว่า เดิมทีเพื่อนชาวต่างชาติต้องการหาบ้านเช่าในตัวเมืองสงขลา จึงมีคนแนะนำให้มาดูที่นี่ พอขับผ่านก็รู้สึกหลงรักที่นี่ จริงๆ แล้วถือว่าทำเลไม่ดี ไม่ค่อยมีใครขับผ่าน ถ.รามัญ ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ผมเลยคิดว่าไม่ให้เพื่อนเช่าแล้ว แต่จะทำร้านกาแฟแทน ก็เลยเรียกเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนมาดู ติดตรงที่กำแพงมันปิด ก็คิดกันว่าจะทุบกำแพง แต่เจ้าของบ้านบอกว่าไม่อยากให้ทำลายเพราะมันเป็นกำแพงเก่ามาก เราเองก็รู้สึกเสียดาย จากนั้นก็พยายามคิดชื่อร้าน จนมาเจอหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “The Secret Garden” ซึ่งเป็นหนังสือที่ทุกคนรู้จัก แต่ไม่เคยมีใครนึกถึงชื่อนี้มาก่อน

“พอมาเจอหนังสือ หน้าปกมันเป็นรูปประตูบ้าน มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจะเปิดประตู แล้วข้างในเป็นสวนที่มีความหัศจรรย์มาก เลยเห็นพ้องต้องกันว่าจะใช้ชื่อนี้ แล้วกำแพงที่เดิมทีเหมือนเป็นข้อด้อยของร้านก็กลายเป็นจุดเด่นขึ้นมาทันที”

หุ้นส่วนหนุ่มชาวไทยเล่าถึงที่มาของร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนชี้ชวนให้ดูมุมต่างๆ ของร้านที่มีทั้งอินดอร์ และเอาต์ดอร์ พร้อมเชิญชวนให้คลิกไลค์ติดตามข่าวสาร และเมนูของร้านผ่านเฟซบุ๊กที่ http://www.facebook.com/TheSecretGardenSongkhla

ร้าน The Secret Garden (เปิด 11.00 - 21.00 น. หยุดทุกวันอังคาร )

87 ถ.รามัญ อ.เมือง จ.สงขลา

โทร. 083 512 5020