ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ต จัดประชุมรักษาเสถียรภาพราคากุ้งขาวแวนนาไมตามโครงการรักษาเสถียรภาพราคากุ้งขาวแวนนาไม พบครั้งสุดท้าย เกษตรกรไม่ร่วมโครงการ จากที่กุ้งขาวราคาเพิ่มสูงขึ้น
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2555 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารกำกับดูแลโครงการรักษาเสถียรภาพราคากุ้งขาวแวนนาไม โดยระบบตลาดเครือข่ายแบบกลุ่ม (Shrimp Cluster) ระดับจังหวัด เพื่อแก้ปัญหาราคากุ้งตกต่ำ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น ประมงจังหวัดภูเก็ต เกษตรกรและสหกรณ์จังหวัดภูเก็ต พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น และผู้แทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง จ.ภูเก็ต เข้าร่วม เพื่อรับรองรายชื่อเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการในรอบที่ 2/2555 เพื่อขอรับเงินส่วนต่างจากโครงการฯ รวมถึงรับทราบผลการดำเนินโครงการในรอบที่ 1 และรอบที่ 3
นายสมเกียรติ กล่าวว่า กรอบระยะเวลาการดำเนินงานตามโครงการรักษาเสถียรภาพราคากุ้งขาวแวนนาไม โดยระบบตลาดเครือข่ายแบบกลุ่ม ระดับจังหวัด ซึ่งคณะกรรมการนโยบาย และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรกำหนดไว้มีระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งในทางปฏิบัติได้เริ่มดำเนินการรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรอบที่ 1 เมื่อวันที่ 13-14 มิถุนายน 2555 มีเกษตรกรสนใจยื่นใบสมัครจำนวน 12 ราย แต่มีผู้ถอนตัว 4 ราย คงเหลือ 8 ราย ได้รับการจัดสรรโควตา 123 ตัน แต่ใช้ไปเพียง 99.4423 ตัน ได้รับเงินส่วนต่างจากการเข้าร่วมโครงการ 1,830,746 บาทม รอบที่ 2 วันที่ 14-15 กรกฎาคม 2555 มีเกษตรกรมายื่นใบสมัคร 14 ราย แต่มีผู้ถอนตัว 7 ราย คงเหลือเพียง 7 ราย ได้รับการจัดสรรโควตา 125 ตัน แต่ใช้ไปเพียง 43.1017 ตัน ได้รับเงินส่วนต่างจากการเข้าร่วม โครงการ 860,382 บาท และรอบที่ 3 วันที่ 5 กันยายน-4 ตุลาคม 2555 ไม่มีเกษตรกรรายใดสนใจยื่นใบสมัคร
นายกะวิ สารณาคมน์กุล ประมงจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินการแก้ปัญหาในการรักษาเสถียรภาพราคากุ้งขาวแวนนาไม โดยระบบตลาดเครือข่ายแบบกลุ่มเสร็จสิ้นแล้วตามเป้าหมาย หลังจากทีได้มีการเปิดรับสมัครเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ 3 ครั้ง ปรากฏว่า ในครั้งสุดท้ายไม่มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากทราบว่าราคากุ้งขาวในตลาดดีขึ้นตามลำดับ จากเดิมในช่วงที่ทางราชการเข้าไปช่วยชดเชยส่วนต่าง ราคาอยู่ที่ 40 ตัวต่อกิโลกรัม อยู่ที่ 145 บาท แต่ปัจจุบัน ได้ปรับขึ้นไปอยู่ที่ 40 ตัวต่อกิโลกรัม อยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท