นราธิวาส - นราธิวาสส่อโคม่าหนัก ผู้ประกอบการไม่เชื่อมั่นมาตรการผู้ว่าฯ นราฯ คุ้มครองวันศุกร์ ปิดร้านเกือบ 100% รถตู้ 4 จังหวัดใต้เป็นอัมพาตหยุดให้บริการ ชาวมาเลย์ผวา งดข้ามแดนซื้อและเที่ยวในวันศุกร์
สำหรับความเคลื่อนไหวกรณีกลุ่มผู้ไม่หวังดีได้ประกาศข่มขู่ให้ผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปิดกิจการในทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ก.ย.55 ที่ผ่านมา และจะไม่รับรองความปลอดภัยแก่ผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน จนส่งผลทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ต้องปิดกิจการลงในวันศุกร์ที่ 28 ก.ย.55 ที่ผ่านมา โดยภาพรวมทั้งจังหวัด ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเกรงไม่มีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน
ล่าสุด จากการตระเวนตรวจสอบร้านค้าในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส และอำเภอใกล้เคียง เช่น อ.ยี่งอ อ.บาเจาะ และ อ.ระแงะในช่วงเวลา 08.00 น.ของวันนี้ (5 ต.ค.) พบว่า ผู้ประกอบการซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ร้านอาหาร ร้านทอง รวมถึงร้านข้าวแกง ร้านอาหารตามสั่ง และแม่ค้าที่เปิดแผงลอยขายสินค้าภายในตลาดสด ได้หยุดกกิจการโดยภาพรวมคิดเป็นร้อยละ 80 และเมื่อเปรียบเทียบกับวันศุกร์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการปิดกิจการเพิ่มเป็น 2 เท่า จนทำให้ย่านธุรกิจที่สำคัญๆ ของแต่ละอำเภอต้องกลายสภาพเป็นเมืองร้าง
แม้ก่อนหน้านี้ นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย และประชาชนกว่า 500 คน ลงทุนออกเดินเท้าพบปะประชาชนแบ่งสายรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดความมั่นใจแล้วก็ตาม แต่ประชาชนยังไม่เชื่อมั่นในมาตรการที่จะคุ้มครองประชาชนให้เกิดความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน
และที่สำคัญ เป็นผลพวงที่เกิดผลกระทบจากการข่มขู่ของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ทำให้รถยนต์ตู้โดยสารประจำทางวิ่งรับส่งผู้โดยสารจากสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.นราธิวาส จดปลายทาง จ.ยะลา จ.ปัตตานี และ อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 300 คัน ได้หยุดให้บริการประชาชน 100 เปอร์เซ็นต์ จนสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.นราธิวาส กลายสภาพเป็นสถานีขนส่งร้าง
จากการสอบถามนายสุวัฒน์ แซ่จู ประชาชนที่เดินทางมาใช้บริการทราบว่า เมื่อรถยนต์ตู้ปิดให้บริการจำเป็นต้องซื้อตั๋วรถทัวร์สายกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางไปทำธุระในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แทน ถึงแม้จะล่าช้ากว่ารถยนต์ตู้ แต่มีความจำเป็นต้องเดินทางจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และเมื่อทำธุระแล้วเสร็จก็อาจจะต้องเลี่ยงไปใช้ขบวนรถไฟกลับบ้านพักที่อยู่ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสแทน แต่ต้องเสียเวลาในการขึ้นรถหลายต่อกว่าจะถึงบ้าน
พร้อมกับตัดพ้อว่า อยู่พื้นที่ จ.นราธิวาส หรือ จ.ชายแดนภาคใต้ ไม่มีทางเลือกมากนัก มาตรการรักษาความปลอดภัยของรัฐ สืบเนื่องจากคนร้ายข่มขู่ให้หยุดวันศุกร์ ถ้ามีศักยภาพจริงประชาชนพ่อค้าแม่ค้า หรือผู้ประกอบการคงไม่หยุดวันศุกร์ ทำอะไรได้นอกจากทำใจ และต้องปรับสภาพตามสถานการณ์เท่านั้น
นอกากนี้ ยังมีรายงานข่าวอีกว่าที่ตลาดสดเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางการค้าในประเทศ และระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของ จ.นราธิวาส ซึ่งตั้งอยู่หลังโรงแรมเก็นติ้ง เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก พบว่า ร้านค้าต่างๆ ที่เป็นแผงลอยรอบตลาด และแผงลอยภายในอาคารของตลาดสด จำนวนกว่า 100 แผง ได้ปิดกิจการลงจนกลายสภาพเหมือนตลาดร้าง ถนนซึ่งเป็นทางเดินภายในตลาดที่มีประชาชนชาวไทย และชาวมาเลเซียเดินจับจ่ายสินค้ากันพลุกพล่าน ปัจจุบัน รถขนาดเล็กทุกชนิดสามารถวิ่งแล่นผ่านไปมากันได้สะดวก แต่เมื่อเดินเข้าไปตรวจสอบด้านในของตลาดสด ก็พบมีพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มหนึ่งที่เปิดจำหน่ายสินค้า คือ เป็นกลุ่มขายเนื้อหมูชำแหละ ซึ่งมีจำนวนกว่า 10 แผง แต่ไม่มีผู้บริโภค และซื้อไปจำหน่ายต่อมาใช้บริการเลย
โดยเจ้าของเขียงหมูรายหนึ่งเปิดเผยว่า เดิมทีขายเนื้อหมูชำแหละวันละ 2 ตัว แต่วันนี้แทบขายไม่ได้เลย เพราะไม่มีชาวบ้านมาซื้อ แถมพ่อค้าแม่ค้ารอบนอก ซึ่งเคยมาซื้อเนื้อหมูไปทำอาหารตามสั่งเขาปิดกิจการ เพราะไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ทำการ รปภ.นอกจากนี้ พ่อค้าแม่ค้าชาวมาเลเซียส่วนหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นรายได้หลักของพ่อค้าแม่ค้าที่ขายส่งในตลาดสดแห่งนี้ เขาก็ไม่กล้าที่จะเดินทางข้ามแดนมาซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายต่อในประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้ เนื่องจากทางการมาเลเซียได้สั่งเตือนชาวมาเลเซียห้ามเข้ามาในพื้นที่ 3 ชายแดนภาคใต้ในระยะนี้ เพื่อความปลอดภัย ส่วนหนึ่งจากกระแสข่าวการข่มขู่ของกลุ่มคนร้ายที่อาจจะส่งผลกระทบจากลูกหลงเมื่อมีเหตุร้ายขึ้น และเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ในวันศุกร์หน้าก็คงจะหยุดขายเนื้อหมูชำแหละแน่นอน เพราะไม่คุ้มกับต้นทุนที่ลงไป
