นครศรีธรรมราช - ตำรวจเร่งล่าหาต้นตอของยาเสพติดที่ใส่มากับรถส่งนมแลคตาซอย เชื่อทำกันเป็นขบวนการ ตั้งแต่แพกของ ไปจนถึงการนำส่งให้แก่ผู้ต้องขัง ซึ่งจะมีขาใหญ่เตรียมรอรับของอยู่ในเรือนจำแล้ว ด้านคดียิงผู้คุม ตร.พบหลักฐานเด็ดวงจรปิดบันทึกภาพคนร้ายได้ 3 จุด
กรณีตำรวจ สภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ได้รับการประสานงานให้สกัดจับรถส่งนมยี่ห้อดัง (แลคตาซอย) มาส่งนมในเรือนจำกลาง และมีการใส่ยาเสพติดและอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือซุกซ่อนมากับรถนมดังกล่าวจำนวนมาก และสามารถสกัดจับรถคันดังกล่าวได้ที่สามแยกนาพรุ ต.นาพรุ อ.พระพรหม ได้ผู้ต้องหา 4 คน มีนายอภิชาต เทียมสานุจิตร นายวาริน จูประจบ นายรณชัย ศักดิ์ดวง และนายจักรพงษ์ จังแต โดยทั้ง 4 คนปฏิเสธไม่รู้เห็นกับสิ่งของดังกล่าว และบอกว่ามาส่งของแทนพนักงานที่มีหน้าที่ส่งประจำ โดยไม่รู้ว่าภายในรถมีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนมาด้วย รวมทั้งคดีสังหาร นายออด แซ่ผั่ว เจ้าหน้าที่เรือนจำที่มีความคืบหน้าเป็นลำดับ
โดยความคืบหน้าล่าสุด ในวันนี้ (21 ส.ค.) พ.ต.ท.นิรัตน์ เทพเดชา สวป.สภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับหน้าที่นำของกลางทั้งหมดไปทำการตรวจสอบ ได้กล่าวว่า หลังจากพบสิ่งผิดกฎหมายที่ซ่อนมากับรถนมก็ได้นำมาตรวจสอบอย่างละเอียดที่ สภ.พระพรหม พบว่า จำนวนของกลางเป็นยาบ้า 4,010 เม็ด ยาไอซ์ 250 กรัม หรือ 1 ใน 4 กิโลกรัม มูลค่าซื้อขายในเรือนจำรวมมูลค่ากว่า 3.5 ล้านบาท นอกจากนั้น เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงโทรศัพท์มือถือ มีทั้งหูฟัง บลูทูธ และเครื่องชาร์จโทรศัพท์มือถือจำนวนกว่า 10 ชุด ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเป้าหมายปลายทางของสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมดมุ่งไปที่ใคร แต่เชื่อว่าคนที่สั่งมาเป็นนักโทษขาใหญ่ในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซึ่งกำลังประสานกับผู้คุมเพื่อหาตัวขาใหญ่รายนี้อยู่
แต่เบื้องต้นพบว่า กล่องนมที่ซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมายดังกล่าวนั้น จะมีตำหนิซึ่งผู้ต้องขัง หรือนักโทษที่มารับจะรู้ว่ามียาบ้า และยาไอซ์ซ่อนอยู่ภายใน เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้คุมนำไปแจกจ่าย นักโทษขาใหญ่คนดังกล่าวจะมาดูแล้วจะมารับกล่องที่มีตำหนิจากคนที่ได้รับแจกไป ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้ ตำรวจได้ร่วมประชุมกับทาง ผบ.เรือนจำกลาง เพื่อเร่งหาต้นตอของยาเสพติดที่มากับรถส่งนมดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่าทำกันเป็นขบวนการ ตั้งแต่ขบวนการสั่งซื้อเอายาเสพติด และอุปกรณ์มือถือใส่ในกล่องนมแล้วแพกด้วยพลาสติกให้เหมือนกับมาจากโรงงาน แล้วนำส่งเข้าเรือนจำด้วยรถที่ส่งเป็นประจำ ซึ่งต้องสอบสวนในเชิงลึกถึงที่มาของยาเสพติดดังกล่าว พ.ต.ท.นิรัตน์กล่าว
ผบ.เรือนจำเผย เตรียมย้ายนักโทษหัวโจกยาเสพติด 20 คน ไปเรือนจำเขาบิน เพื่อตัดวงจรยาเสพติด สั่งเพิ่มความเข้มในการตรวจสิ่งของเข้าออกเรือนจำ
ทางด้าน นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้ระบุว่า เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เตรียมที่จะทำการย้ายนักโทษที่เป็นกลุ่มหัวโจก หรือขาใหญ่ยาเสพติดในเรือนจำไปอยู่ที่เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ในอีกไม่กี่วันนี้ เพื่อที่จะตัดวงจรการติดต่อสื่อสารในเรื่องของยาเสพติด เพราะหากกลุ่มนักโทษหัวโจกยังอยู่รวมกันก็จะสามารถทำอะไรได้คล่องตัว จึงต้องมีการจัดการตัดช่องทางตรงนี้ในเบื้องต้นก่อน
และในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ในขณะนี้ ก็มีการเพิ่มความเข้มในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม ตนได้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ และกำชับเจ้าหน้าที่ของเรือนจำทุกคนที่มีหน้าที่ให้เพิ่มความเข้มในการตรวจค้นสิ่งของต่างๆ ที่จะผ่านเข้าออกเรือนจำอย่างเข้มงวดมากขึ้น อย่าให้เล็ดลอดสายตาไปได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งตอนนี้เราจะเพิ่มความเข้มตั้งแต่บริเวณป้อมเข้าเรือนจำก็มีการตรวจตราเพิ่มขึ้นกว่าเดิมซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ไม่ได้เสียขวัญกำลังใจแต่อย่างใด ตอนนี้ขวัญกำลังใจกลับมาเหมือนเดิมและฮึดขึ้นกว่าเดิม นายสุรพลกล่าวในที่สุด
ผบก.นครศรีฯ ได้หลักฐานสำคัญวงจรปิดเห็นกลุ่มมือปืนชัด
ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.สภ.นครศรีธรรมราช ระบุถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวคนร้ายที่ประกบยิงนายออด แซ่ผั่ว อายุ 49 ปี ผู้ช่วยพยาบาลเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตบริเวณริมถนนนาพรุ-เบญจมะ ม.5 ต.นาสาร อ.พระพรหม เมื่อวันที่ 18 ส.ค.55 ที่ผ่านมานั้น ตำรวจมีเบาะแสเกี่ยวกับผู้จ้างวานแล้ว และต้องติดตามจับกุมผู้ลงมือเพื่อหาพยานหลักฐานที่แน่ชัด ส่วนสาเหตุคือประเด็นยาเสพติด
และในวันนี้ได้นำหลักฐานกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ซึ่งติดอยู่ในช่วงตั้งแต่เรือนจำไปจนถึงที่เกิดเหตุ ว่าช่วงเกิดเหตุนั้นมีใครอยู่บ้าง หากพบหลักฐานที่ชัดเจนก็จะดำเนินการออกหมายจับคนร้ายทันที เพราะมีข้อมูลเชิงลึกอยู่แล้ว และได้มีการประชุมชุดติดตามคดีเพื่อเร่งคลี่คลายคดี และชุดเทคโนโลยีที่มีความชำนาญเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการถอดข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ และร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่เรือนจำกับตำรวจ เพื่อแยกรายชื่อผู้คุมที่มีความเสี่ยงในชีวิตด้วย
นอกจากนั้น ยังมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนติดตามคดีคนร้ายยิงผู้คุม โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.สุทธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เป็นหัวหน้าชุด มี พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ผ่องโชค รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เป็นรอง หน.ชุด เพื่อเร่งติดตามคดีนี้อย่างเร่งด่วน และยังมีกำลังตำรวจจากภาค 8 ลงมาช่วยดำเนินการคลี่คลายคดีนี้ด้วย
กรณีตำรวจ สภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ได้รับการประสานงานให้สกัดจับรถส่งนมยี่ห้อดัง (แลคตาซอย) มาส่งนมในเรือนจำกลาง และมีการใส่ยาเสพติดและอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือซุกซ่อนมากับรถนมดังกล่าวจำนวนมาก และสามารถสกัดจับรถคันดังกล่าวได้ที่สามแยกนาพรุ ต.นาพรุ อ.พระพรหม ได้ผู้ต้องหา 4 คน มีนายอภิชาต เทียมสานุจิตร นายวาริน จูประจบ นายรณชัย ศักดิ์ดวง และนายจักรพงษ์ จังแต โดยทั้ง 4 คนปฏิเสธไม่รู้เห็นกับสิ่งของดังกล่าว และบอกว่ามาส่งของแทนพนักงานที่มีหน้าที่ส่งประจำ โดยไม่รู้ว่าภายในรถมีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนมาด้วย รวมทั้งคดีสังหาร นายออด แซ่ผั่ว เจ้าหน้าที่เรือนจำที่มีความคืบหน้าเป็นลำดับ
โดยความคืบหน้าล่าสุด ในวันนี้ (21 ส.ค.) พ.ต.ท.นิรัตน์ เทพเดชา สวป.สภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับหน้าที่นำของกลางทั้งหมดไปทำการตรวจสอบ ได้กล่าวว่า หลังจากพบสิ่งผิดกฎหมายที่ซ่อนมากับรถนมก็ได้นำมาตรวจสอบอย่างละเอียดที่ สภ.พระพรหม พบว่า จำนวนของกลางเป็นยาบ้า 4,010 เม็ด ยาไอซ์ 250 กรัม หรือ 1 ใน 4 กิโลกรัม มูลค่าซื้อขายในเรือนจำรวมมูลค่ากว่า 3.5 ล้านบาท นอกจากนั้น เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงโทรศัพท์มือถือ มีทั้งหูฟัง บลูทูธ และเครื่องชาร์จโทรศัพท์มือถือจำนวนกว่า 10 ชุด ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเป้าหมายปลายทางของสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมดมุ่งไปที่ใคร แต่เชื่อว่าคนที่สั่งมาเป็นนักโทษขาใหญ่ในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซึ่งกำลังประสานกับผู้คุมเพื่อหาตัวขาใหญ่รายนี้อยู่
แต่เบื้องต้นพบว่า กล่องนมที่ซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมายดังกล่าวนั้น จะมีตำหนิซึ่งผู้ต้องขัง หรือนักโทษที่มารับจะรู้ว่ามียาบ้า และยาไอซ์ซ่อนอยู่ภายใน เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้คุมนำไปแจกจ่าย นักโทษขาใหญ่คนดังกล่าวจะมาดูแล้วจะมารับกล่องที่มีตำหนิจากคนที่ได้รับแจกไป ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้ ตำรวจได้ร่วมประชุมกับทาง ผบ.เรือนจำกลาง เพื่อเร่งหาต้นตอของยาเสพติดที่มากับรถส่งนมดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่าทำกันเป็นขบวนการ ตั้งแต่ขบวนการสั่งซื้อเอายาเสพติด และอุปกรณ์มือถือใส่ในกล่องนมแล้วแพกด้วยพลาสติกให้เหมือนกับมาจากโรงงาน แล้วนำส่งเข้าเรือนจำด้วยรถที่ส่งเป็นประจำ ซึ่งต้องสอบสวนในเชิงลึกถึงที่มาของยาเสพติดดังกล่าว พ.ต.ท.นิรัตน์กล่าว
ผบ.เรือนจำเผย เตรียมย้ายนักโทษหัวโจกยาเสพติด 20 คน ไปเรือนจำเขาบิน เพื่อตัดวงจรยาเสพติด สั่งเพิ่มความเข้มในการตรวจสิ่งของเข้าออกเรือนจำ
ทางด้าน นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้ระบุว่า เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เตรียมที่จะทำการย้ายนักโทษที่เป็นกลุ่มหัวโจก หรือขาใหญ่ยาเสพติดในเรือนจำไปอยู่ที่เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี ในอีกไม่กี่วันนี้ เพื่อที่จะตัดวงจรการติดต่อสื่อสารในเรื่องของยาเสพติด เพราะหากกลุ่มนักโทษหัวโจกยังอยู่รวมกันก็จะสามารถทำอะไรได้คล่องตัว จึงต้องมีการจัดการตัดช่องทางตรงนี้ในเบื้องต้นก่อน
และในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ในขณะนี้ ก็มีการเพิ่มความเข้มในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม ตนได้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ และกำชับเจ้าหน้าที่ของเรือนจำทุกคนที่มีหน้าที่ให้เพิ่มความเข้มในการตรวจค้นสิ่งของต่างๆ ที่จะผ่านเข้าออกเรือนจำอย่างเข้มงวดมากขึ้น อย่าให้เล็ดลอดสายตาไปได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งตอนนี้เราจะเพิ่มความเข้มตั้งแต่บริเวณป้อมเข้าเรือนจำก็มีการตรวจตราเพิ่มขึ้นกว่าเดิมซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ไม่ได้เสียขวัญกำลังใจแต่อย่างใด ตอนนี้ขวัญกำลังใจกลับมาเหมือนเดิมและฮึดขึ้นกว่าเดิม นายสุรพลกล่าวในที่สุด
ผบก.นครศรีฯ ได้หลักฐานสำคัญวงจรปิดเห็นกลุ่มมือปืนชัด
ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.สภ.นครศรีธรรมราช ระบุถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวคนร้ายที่ประกบยิงนายออด แซ่ผั่ว อายุ 49 ปี ผู้ช่วยพยาบาลเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตบริเวณริมถนนนาพรุ-เบญจมะ ม.5 ต.นาสาร อ.พระพรหม เมื่อวันที่ 18 ส.ค.55 ที่ผ่านมานั้น ตำรวจมีเบาะแสเกี่ยวกับผู้จ้างวานแล้ว และต้องติดตามจับกุมผู้ลงมือเพื่อหาพยานหลักฐานที่แน่ชัด ส่วนสาเหตุคือประเด็นยาเสพติด
และในวันนี้ได้นำหลักฐานกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ซึ่งติดอยู่ในช่วงตั้งแต่เรือนจำไปจนถึงที่เกิดเหตุ ว่าช่วงเกิดเหตุนั้นมีใครอยู่บ้าง หากพบหลักฐานที่ชัดเจนก็จะดำเนินการออกหมายจับคนร้ายทันที เพราะมีข้อมูลเชิงลึกอยู่แล้ว และได้มีการประชุมชุดติดตามคดีเพื่อเร่งคลี่คลายคดี และชุดเทคโนโลยีที่มีความชำนาญเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการถอดข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ และร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่เรือนจำกับตำรวจ เพื่อแยกรายชื่อผู้คุมที่มีความเสี่ยงในชีวิตด้วย
นอกจากนั้น ยังมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนติดตามคดีคนร้ายยิงผู้คุม โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.สุทธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เป็นหัวหน้าชุด มี พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ ผ่องโชค รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เป็นรอง หน.ชุด เพื่อเร่งติดตามคดีนี้อย่างเร่งด่วน และยังมีกำลังตำรวจจากภาค 8 ลงมาช่วยดำเนินการคลี่คลายคดีนี้ด้วย
