นราธิวาส - สื่อมวลชนนราฯ ในนาม “กลุ่มรักสันติ 3 จ.ช.ต.” จับมือธนาคารอิสลามมอบเงินช่วยเหลือเด็กกำพร้า 1 แสนบาท เพื่อให้มีโอกาสได้ร่วมฉลองวันฮารีรายอ และพัฒนาคุณภาพชีวิต หลังพบไฟใต้ 9 ปียอดเด็กกำพร้าพุ่งนับหมื่น
วันนี้ (17 ส.ค.) นายรพี มามะ ประธานกลุ่มรักสันติ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมด้วยสำนักข่าวอามาน สื่อมวลชนในพื้นที่นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ธนาคารอิสลาม สาขาอำเภอเมือง จ.นราธิวาส ได้นำเงินสดรวมทั้งหมดจำนวน 100,000 บาท ทำการมอบให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าดารุลอีมาน ซึ่งตั้งอยู่ถนนนคร ซอย 2 ต.บางนาค อ.เมืองจ.นราธิวาส เพื่อนำไปใช้ในการซ่อมแซมอาคารที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม และขยายที่พักให้มีปริมาณเพียงพอรองรับเด็กกำพร้าที่อยู่กันแออัด
รวมถึงเป็นเงินทุนให้เด็กกำพร้าใช้จ่ายต้อนรับวันฮารีรายอ อิฎิ้ลฟิตรี ในราววันที่ 18 หรือ 19 ส.ค.นี้ ทั้งหมด 3 แห่ง คือ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอาบาลาดีน บ้านเปล ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าดารุลอีมาน ถนน ณ นคร ซอย 2 อ.เมือง และสถานเลี้ยงเด็กพร้าดารุลคอยรี ซอยภาคภูมิ อ.เมือง จ.นราธิวาส รวม 150 คน ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาความมั่นคง การหย่าร้างของบิดาและมารดาที่มีฐานะยากจน ที่ตกสำรวจและหน่วยงานภาครัฐให้การช่วยเหลือไม่ทั่วถึง
นายณรงค์ นวลสกุล ผู้สื่อข่าวช่อง 3 จ.นราธิวาส กล่าวว่า สื่อมวลชนบางส่วนได้ร่วมตัวกัน นอกจากทำอาชีพนักข่าวแล้ว ยังทำโครงการและกิจกรรมเพื่อสร้างความสันติสุขในพื้นที่หลายโครงการต่อเนื่องมา 9 ปีแล้ว ในนามกลุ่มรักสันติ 3 จชต. โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ ประชาชนต้องได้ประโยชน์ ในส่วนการมอบทุน และแจกจ่ายเงินแก่เด็กกำพร้า เพื่อให้เด็กกลุ่มเหล่านี้นำเงินติดกระเป๋าไปใช้ในการท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงวันฮารีรายอ หรือวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทยมุสลิม ซึ่งเด็กกลุ่มเหล่านี้ไม่เคยได้ท่องเที่ยว หรือมีความสุขเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป
เป็นที่น่าสังเกตว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง 9 ปี มีเด็กกำพร้าได้รับผลกระทบจากทั้งทางตรง และทางอ้อมกว่า 10,000 คนแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คณะกลุ่มรักสันติ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ธนาคารอิสลาม สาขา อ.เมือง จ.นราธิวาส ได้มอบเงินตามวัตถุประสงค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พบว่า หลังจากเด็กกลุ่มเหล่านี้ส่วนหนึ่งทราบว่า ในปีนี้ได้มีเงินติดกระเป๋าไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทุกคนต่างแสดงออกทางสีหน้า และรอยยิ้มอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นรอยยิ้มอันทรงคุณค่าที่เด็กกลุ่มเหล่านี้ไม่เคยแสดงออกมาให้คนทั่วไปได้เห็นมาก่อน