ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เรือนจำภูเก็ต ปล่อยตัวผู้ต้องขังพระราชทานอภัยโทษ 175 คน เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ต่างดีใจที่ได้พ้นโทษ และได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัว
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (16 ส.ค.) ที่บริเวณหน้าเรือนจำจังหวัดภูเก็ต นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานพิธีปล่อยตัวผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ประจำปี 2555 โดยมี นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจังหวัดภูเก็ต นายธีรวุธ ศรีตุลารักษ์ ประธานมูลนิธิจุ้ยตุ่ยเถ้าโบ้เก้ง แขกผู้มีเกียรติ และญาติผู้ต้องขังเข้าร่วม
โดยผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ ต่างปลาบปลื้มใจที่ได้รับการอภัยโทษ บางคนถึงกับน้ำตาไหลที่พ้นโทษก่อนเวลา และดีใจที่มีญาติมารอรับ บางคนเข้าโอบกอด แม่ และลูก และพร้อมที่จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีของสังคมต่อไป
นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ และเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร นับเป็นอภิลักขิตกาลสำคัญ สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องขังราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับมาประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
เรือนจำจังหวัดภูเก็ต มีผู้ต้องขังราชทัณฑ์ที่อยู่ในข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ จำนวน 750 คน ในจำนวนดังกล่าว จะได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ เป็นชาย 159 คน หญิง 16 คน รวมทั้งสิ้น 175 คน ส่วนที่เหลือจะได้รับการลดวันต้องโทษ และจำต่อไปจนครบกำหนด ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษประจำปี 2555
นายระพินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ผู้ต้องขังที่ได้พระราชทานอภัยโทษควรทำตัวให้เป็นคนของสังคม และครอบครัว เพื่อต้องการที่จะให้สังคมยอมรับผู้ต้องขังเหล่านี้ และควรประกอบอาชีพที่สุจริตต่อไป
ด้านนายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต กล่าวอีกว่า ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวทุกคน ขอให้นำความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ ทั้งการศึกษาอบรม การฝึกฝนด้านอาชีพและทักษะการใช้ชีวิตไปใช้ภายหลังจากพ้นโทษไปแล้ว เพื่อจะได้เป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติต่อไป และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ให้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ ที่ทรงพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ขอให้ทุกคนตั้งปณิธานว่า จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ตั้งใจประกอบอาชีพสุจริต และอุทิศตนเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม และขอให้น้อมนำพระราชดำริ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต คือ การรู้จักพอประมาณ มีเหตุผล ศึกษาหาความรู้ เพื่อรู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง รู้จักสามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งจะทำให้ชีวิตส่วนตน และครอบครัวมีความผาสุกอย่างยั่งยืน