ตรัง - หนุ่มใบ้ชาวไทย หอบสินสอด 75,000 บาท สู่ขอสาวใบ้เวียดนาม พร้อมจัดงานแต่งเลี้ยงโต๊ะจีนอย่างยิ่งใหญ่กลางเมืองตรัง หลังเพื่อนของทั้งคู่แนะนำให้รู้จัก และคุยกันทางแคมฟอกซ์ ก่อนตกลงจูงมือเข้าวิวาห์ซึ่งจัดที่เวียดนามไปแล้วครั้งหนึ่ง
วันนี้ (13 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่อาคารคอซิมบี้ เทศบาลเมืองกันตัง อ.กันตัง จ.ตรัง มีการจัดพิธีมงคลสมรสให้แก่คู่บ่าวสาวชาวไทย และเวียดนามที่เป็นใบ้ทั้งคู่ โดยทางเจ้าภาพได้ใช้รถตุ๊กตุ๊กหัวกบ ซึ่งเป็นรถที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของ จ.ตรัง มาตกแต่งด้วยดอกไม้ และตุ๊กตาอย่างสวยงาม แล้วนำนายวรพงศ์ เอกผล หรือเต็ก อายุ 32 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ บริษัท ซีฮ็อคบิลดิ้งเมนเทนแนนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับซ่อมบำรุง และทำความสะอาดตึกต่างๆ ใน กทม. และ น.ส.เงียน ติ๊ เฟือง อายุ 24 ปี ช่างเพนต์เล็บ แห่งเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวมชุดไทยประยุกต์ทั้งคู่ และได้นั่งรถมายังอาคารคอซิมบี้ ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีมงคลสมรส
ทันทีที่ลงมาจากรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ ทั้งคู่ก็เดินมาต้อนรับแขกเหรื่อ พร้อมกับนายอารี และนางอนงค์ เอกผล พ่อแม่ของเจ้าบ่าว และนายวาน ฟัพ กับนางลี สึ เฮียน พ่อแม่ของเจ้าสาว ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แม้ว่า น.ส.เงียน ติ๊ เฟือง จะพูดไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ได้แสดงออกโดยการยิ้ม และไหว้แบบไทยอย่างไม่ขัดเขิน แม้บางครั้งอาจมีวุ่นวายบ้างเล็กน้อย เนื่องจากภาษาใบ้ที่ใช้สื่อสารกันของทั้งคู่ อาจสร้างความสับสน และความไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็ได้สร้างความประทับใจให้แก่แขกที่มาร่วมงานอย่างมาก จนบางคนอดไม่ได้ที่จะมาร่วมถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ ทางเจ้าภาพได้เชิญ นายวิสิษฐ ตั้งปอง นายอำเภอกันตัง มาเป็นประธาน นอกจากนั้น ยังมี นายสรนนท์ จิโรจน์มนตรี นายกเทศมนตรีเมืองกันตัง นายระลึก หลีกภัย น้องชายของ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย และประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิท ประมาณ 500 คน เดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานรักของทั้งคู่ ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น และอบอวลไปด้วยความรัก
หลังจากที่ทั้งคู่ต้อนรับแขกเหรื่อแล้ว ก็ได้เข้าไปในงานเลี้ยงด้านใน ที่ทางเจ้าภาพจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน จากนั้น ทั้งคู่ได้ขึ้นบนเวทีเพื่อกล่าวแสดงความขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน ผ่านทางล่ามชาวเวียดนาม และพี่สาวของฝ่ายเจ้าบ่าวได้อย่างประทับใจ โดย น.ส.เงียน ติ๊ เฟือง และพ่อแม่ของเธอได้กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า รู้สึกดีใจที่วันนี้ 2 ครอบครัว ซึ่งต่างเชื้อชาติกัน ได้มีโอกาสสานสัมพันธไมตรีเป็นครอบครัวเดียวกัน อีกทั้งที่ผ่านมา ชาวไทย และชาวเวียดนามก็เปรียบเสมือนเป็นพี่น้องกันอยู่กันแล้ว
ด้าน น.ส.วิริยาภรณ์ เอกผล พี่สาวของเจ้าบ่าว เปิดเผยว่า ครอบครัวของตนมีพี่น้องด้วยกัน 5 คน ทั้งนี้ นายวรพงศ์ เป็นคนที่สอง และยังมีน้องชายอีกคนที่พิการทางหู และเป็นใบ้โดยกำเนิด โดยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ฝ่ายชายได้ไปเที่ยวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีโอกาสได้พบเจอกับเพื่อนของฝ่ายหญิงอย่างบังเอิญ จากนั้น ได้มีการแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน โดยที่ในขณะนั้น ฝ่ายหญิงยังอยู่ที่ประเทศเวียดนาม ต่อมา ทั้งคู่ก็ติดต่อพูดคุยกันทางอินเทอร์เน็ตผ่านโปรแกรมแคมฟอกซ์ และได้นัดเจอกันที่ กทม.เป็นครั้งแรก ก่อนตกลงคบหาดูใจกัน
กระทั่งเมื่อความรักสุกงอม ทั้งคู่ก็ได้ตกลงใจจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ที่เมืองไฮฟง ประเทศเวียดนาม บ้านเกิดของฝ่ายหญิง โดยฝ่ายชายได้นำเงินสด จำนวน 60,000 บาท และทองรูปพรรณมูลค่า 50 สตางค์ รวมมูลค่ากว่า 75,000 บาท ไปสู่ขอฝ่ายหญิงตามประเพณี จากนั้นได้มาจัดงานที่บ้านเกิดฝ่ายชายอีกครั้ง
สำหรับพิธีการมงคลสมรสนั้น ได้เน้นแบบเรียบง่าย โดยช่วงเช้า มีการยกน้ำชาไหว้บรรพบุรุษตามประเพณีจีน ส่วนช่วงเย็น มีการเลี้ยงแขกเหรื่อ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทั้งคู่ผ่านพิธีมงคลสมรสไปแล้ว ก็จะเดินทางกลับประเทศเวียดนามทันที เพื่อไปจัดการเรื่องทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนจะเลือกอยู่ที่ใดนั้น ทางครอบครัวปล่อยให้ทั้งคู่เป็นผู้ตัดสินใจเอง
ด้าน นายอารี และนางอนงค์ เอกผล พ่อแม่ของเจ้าบ่าว กล่าวว่า รู้สึกประทับใจลูกสะใภ้ที่เป็นคนน่ารักมีน้ำใจ ขยัน และเป็นแม่บ้าน แม้จะอายุน้อยก็ตาม ที่สำคัญเอาใจคนในบ้านเก่ง ซึ่งจากนี้ไป ตนไม่รู้สึกห่วงลูกชายอีกแล้ว แม้จะพิการเป็นใบ้พูดไม่ได้ก็ตาม แต่เชื่อว่า เมื่อคนอื่นที่พิการยังใช้ชีวิตอยู่ได้ ลูกตนก็ต้องอยู่ได้ด้วยเช่นกัน และที่หวังไปกว่านั้นคือ อยากจะอุ้มหลานคนแรกของตระกูลโดยเร็ว
วันนี้ (13 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่อาคารคอซิมบี้ เทศบาลเมืองกันตัง อ.กันตัง จ.ตรัง มีการจัดพิธีมงคลสมรสให้แก่คู่บ่าวสาวชาวไทย และเวียดนามที่เป็นใบ้ทั้งคู่ โดยทางเจ้าภาพได้ใช้รถตุ๊กตุ๊กหัวกบ ซึ่งเป็นรถที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของ จ.ตรัง มาตกแต่งด้วยดอกไม้ และตุ๊กตาอย่างสวยงาม แล้วนำนายวรพงศ์ เอกผล หรือเต็ก อายุ 32 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ บริษัท ซีฮ็อคบิลดิ้งเมนเทนแนนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับซ่อมบำรุง และทำความสะอาดตึกต่างๆ ใน กทม. และ น.ส.เงียน ติ๊ เฟือง อายุ 24 ปี ช่างเพนต์เล็บ แห่งเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวมชุดไทยประยุกต์ทั้งคู่ และได้นั่งรถมายังอาคารคอซิมบี้ ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีมงคลสมรส
ทันทีที่ลงมาจากรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ ทั้งคู่ก็เดินมาต้อนรับแขกเหรื่อ พร้อมกับนายอารี และนางอนงค์ เอกผล พ่อแม่ของเจ้าบ่าว และนายวาน ฟัพ กับนางลี สึ เฮียน พ่อแม่ของเจ้าสาว ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แม้ว่า น.ส.เงียน ติ๊ เฟือง จะพูดไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ได้แสดงออกโดยการยิ้ม และไหว้แบบไทยอย่างไม่ขัดเขิน แม้บางครั้งอาจมีวุ่นวายบ้างเล็กน้อย เนื่องจากภาษาใบ้ที่ใช้สื่อสารกันของทั้งคู่ อาจสร้างความสับสน และความไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็ได้สร้างความประทับใจให้แก่แขกที่มาร่วมงานอย่างมาก จนบางคนอดไม่ได้ที่จะมาร่วมถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ ทางเจ้าภาพได้เชิญ นายวิสิษฐ ตั้งปอง นายอำเภอกันตัง มาเป็นประธาน นอกจากนั้น ยังมี นายสรนนท์ จิโรจน์มนตรี นายกเทศมนตรีเมืองกันตัง นายระลึก หลีกภัย น้องชายของ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย และประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิท ประมาณ 500 คน เดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานรักของทั้งคู่ ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น และอบอวลไปด้วยความรัก
หลังจากที่ทั้งคู่ต้อนรับแขกเหรื่อแล้ว ก็ได้เข้าไปในงานเลี้ยงด้านใน ที่ทางเจ้าภาพจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน จากนั้น ทั้งคู่ได้ขึ้นบนเวทีเพื่อกล่าวแสดงความขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน ผ่านทางล่ามชาวเวียดนาม และพี่สาวของฝ่ายเจ้าบ่าวได้อย่างประทับใจ โดย น.ส.เงียน ติ๊ เฟือง และพ่อแม่ของเธอได้กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า รู้สึกดีใจที่วันนี้ 2 ครอบครัว ซึ่งต่างเชื้อชาติกัน ได้มีโอกาสสานสัมพันธไมตรีเป็นครอบครัวเดียวกัน อีกทั้งที่ผ่านมา ชาวไทย และชาวเวียดนามก็เปรียบเสมือนเป็นพี่น้องกันอยู่กันแล้ว
ด้าน น.ส.วิริยาภรณ์ เอกผล พี่สาวของเจ้าบ่าว เปิดเผยว่า ครอบครัวของตนมีพี่น้องด้วยกัน 5 คน ทั้งนี้ นายวรพงศ์ เป็นคนที่สอง และยังมีน้องชายอีกคนที่พิการทางหู และเป็นใบ้โดยกำเนิด โดยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ฝ่ายชายได้ไปเที่ยวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีโอกาสได้พบเจอกับเพื่อนของฝ่ายหญิงอย่างบังเอิญ จากนั้น ได้มีการแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน โดยที่ในขณะนั้น ฝ่ายหญิงยังอยู่ที่ประเทศเวียดนาม ต่อมา ทั้งคู่ก็ติดต่อพูดคุยกันทางอินเทอร์เน็ตผ่านโปรแกรมแคมฟอกซ์ และได้นัดเจอกันที่ กทม.เป็นครั้งแรก ก่อนตกลงคบหาดูใจกัน
กระทั่งเมื่อความรักสุกงอม ทั้งคู่ก็ได้ตกลงใจจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ที่เมืองไฮฟง ประเทศเวียดนาม บ้านเกิดของฝ่ายหญิง โดยฝ่ายชายได้นำเงินสด จำนวน 60,000 บาท และทองรูปพรรณมูลค่า 50 สตางค์ รวมมูลค่ากว่า 75,000 บาท ไปสู่ขอฝ่ายหญิงตามประเพณี จากนั้นได้มาจัดงานที่บ้านเกิดฝ่ายชายอีกครั้ง
สำหรับพิธีการมงคลสมรสนั้น ได้เน้นแบบเรียบง่าย โดยช่วงเช้า มีการยกน้ำชาไหว้บรรพบุรุษตามประเพณีจีน ส่วนช่วงเย็น มีการเลี้ยงแขกเหรื่อ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทั้งคู่ผ่านพิธีมงคลสมรสไปแล้ว ก็จะเดินทางกลับประเทศเวียดนามทันที เพื่อไปจัดการเรื่องทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนจะเลือกอยู่ที่ใดนั้น ทางครอบครัวปล่อยให้ทั้งคู่เป็นผู้ตัดสินใจเอง
ด้าน นายอารี และนางอนงค์ เอกผล พ่อแม่ของเจ้าบ่าว กล่าวว่า รู้สึกประทับใจลูกสะใภ้ที่เป็นคนน่ารักมีน้ำใจ ขยัน และเป็นแม่บ้าน แม้จะอายุน้อยก็ตาม ที่สำคัญเอาใจคนในบ้านเก่ง ซึ่งจากนี้ไป ตนไม่รู้สึกห่วงลูกชายอีกแล้ว แม้จะพิการเป็นใบ้พูดไม่ได้ก็ตาม แต่เชื่อว่า เมื่อคนอื่นที่พิการยังใช้ชีวิตอยู่ได้ ลูกตนก็ต้องอยู่ได้ด้วยเช่นกัน และที่หวังไปกว่านั้นคือ อยากจะอุ้มหลานคนแรกของตระกูลโดยเร็ว
