นราธิวาส - ประธานหอการค้านราฯ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่มาติดตามสถานการณ์ความไม่สงบด้วยตนเอง หลังสถานการณ์ยังมีความรุนแรง จนส่งผลกระทบทางจิตใจต่อประชาชนในพื้นที่ ระบุ จะได้เข้าถึงสถานการณ์ พร้อมเผยไม่เห็นด้วยกับการใช้เคอร์ฟิว
นายกู้เกียรติ บูรพาพงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ เพราะจะทำให้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่ หลังสถานการณ์ความไม่สงบยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลต่อขวัญกำลังใจของผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ และประชาชนในพื้นที่
ซึ่งที่ผ่านมา มีกระแสข่าวมาโดยตลอดว่า นายกรัฐมนตรีจะลงมาติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ทั้งที่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างรอคอยอย่างมีความหวังมาโดยตลอด
ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น แม้ขณะนี้สถานการณ์ความไม่สงบจะมีความรุนแรง และเกิดขึ้นรายวัน แต่เชื่อว่า การประกาศเคอร์ฟิวไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เนื่องจากจะกระทบกับวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการทำสวนยางที่ต้องออกไปกรีดยางตั้งแต่เช้ามืด ประกอบกับ พี่น้องชาวไทยมุสลิมก็ต้องออกมาประกอบศาสนกิจยังมัสยิดต่างๆ ด้วย ดังนั้น อาจส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และประชาชนในพื้นที่ จนอาจมีการบิดเบือนข้อมูล และตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้
“อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการจัดพื้นที่เซฟตี้โซนครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ เพราะสามารถจำกัดพื้นที่การเข้าออกและพื้นที่เสี่ยงให้ได้รับการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความจริงจัง และเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ ส่วนผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ก็ต้องให้ความร่วมมือโดยการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย” ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาสกล่าว
นายกู้เกียรติ บูรพาพงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส เรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ เพราะจะทำให้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ประกอบการ และประชาชนในพื้นที่ หลังสถานการณ์ความไม่สงบยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลต่อขวัญกำลังใจของผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ และประชาชนในพื้นที่
ซึ่งที่ผ่านมา มีกระแสข่าวมาโดยตลอดว่า นายกรัฐมนตรีจะลงมาติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ทั้งที่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างรอคอยอย่างมีความหวังมาโดยตลอด
ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น แม้ขณะนี้สถานการณ์ความไม่สงบจะมีความรุนแรง และเกิดขึ้นรายวัน แต่เชื่อว่า การประกาศเคอร์ฟิวไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เนื่องจากจะกระทบกับวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการทำสวนยางที่ต้องออกไปกรีดยางตั้งแต่เช้ามืด ประกอบกับ พี่น้องชาวไทยมุสลิมก็ต้องออกมาประกอบศาสนกิจยังมัสยิดต่างๆ ด้วย ดังนั้น อาจส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และประชาชนในพื้นที่ จนอาจมีการบิดเบือนข้อมูล และตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้
“อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการจัดพื้นที่เซฟตี้โซนครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ เพราะสามารถจำกัดพื้นที่การเข้าออกและพื้นที่เสี่ยงให้ได้รับการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความจริงจัง และเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ ส่วนผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ก็ต้องให้ความร่วมมือโดยการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย” ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาสกล่าว