ปัตตานี - “แม่ทัพภาคที่ 4” ยันเตรียมทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัย สั่งคุมเข้มรถยนต์บนท้องถนนเพื่อป้องกันเหตุร้ายในช่วงเดือนรอมฎอน
พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เปิดเผยถึงกรณีที่คนร้ายก่อเหตุคาร์บอมบ์โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานีว่า ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความพยายามในการแย่งชิงมวลชนของกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา สามารถจับกุม และแนวร่วมกลับใจหันมาให้ความร่วมมือกับภาครัฐจำนวนมาก ส่งผลให้คนร้ายถูกกดดัน และเลือกใช้เดือนรอมฎอนก่อเหตุสร้างความวุ่นวาย
“อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงนี้ จำเป็นต้องทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะมาตรการควบคุมรถยนต์บนท้องถนน เพื่อป้องกันเหตุร้ายให้เข้มงวดยิ่งขึ้น”
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ได้ตามหา และกดดันผู้ก่อการร้ายด้วยวิธีการที่รุนแรงมากขึ้น จนได้ตัวบุคคลสำคัญทุกครั้งที่ปฏิบัติงาน จึงทำให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายต้องสร้างผลงานเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในภาคใต้มากขึ้น และคาดว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นสงคราม แต่เป็นเพียงแค่กลุ่มโจรที่สร้างความไม่สงบในพื้นที่ เพราะไม่มีสถานที่ปักหลัก ตนจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่ และขอให้พี่น้องประชาชน หากพบเห็น หรือทราบเบาะแสคนร้าย หรือพบรถที่ผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทางสายด่วน 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง ทางหน่วยพร้อมที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบทันที
ด้านนายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ปัตตานี เจ้าของโรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี เปิดเผยว่า เหตุคาร์บอมบ์ด้านหลังโรงแรมมีความเชื่อมโยงกับเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และยอมรับว่า เป็นห่วงภาพรวมต่อ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอยากเรียกร้องผู้ลงมืออย่าแบ่งพวกแบ่งฝ่าย