ตรัง - มือมีดเหี้ยมฆ่าปาดคอพี่เลี้ยงม้าทรงศาลเจ้าหมกห้องเช่ากลางเมืองตรัง ตร.มุ่งปมฆ่าชิงทรัพย์ หลังพบกระเป๋าเงินผู้ตายหายไป คาดน่าเป็นฝีมือวัยรุ่นคนสนิท แต่ยังไม่ทิ้งประเด็นชู้สาว
เมื่อเวลา 00.30 น. กลางดึกที่ผ่านมา (2 ส.ค.) ร.ต.อ.มนตรี ไชยมล ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุมีคนถูกฆ่าตายภายในห้องเช่าเลขที่ 25/36 ถนนวัดนิโครธ ตำบลทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.ภูมิ บาลทิพย์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.เมธี จันทร์งาม รอง ผกก.สส. แพทย์ รพ.ตรัง และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง
พบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายกษิดิช ฐปนวัฒน์ อายุ 40 ปี เจ้าของห้องเช่า สวมเสื้อโปโลคอปกแขนสั้นสีเขียว และนุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน นอนหงายจมกองเลือด โดยข้างตัวพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง รองเท้าแตะฟองน้ำ บุหรี่ และไฟแช็ก จากการชันสูตรศพพบว่า ที่ลำคอมีร่องรอยถูกเชือดด้วยของมีคมจนหลอดลมขาดเป็นแผลเหวอะหวะฉกรรจ์ นอกจากนั้น ที่หน้าอกยังมีบาดแผลถูกแทง จำนวน 3 แผล และที่แผ่นหลังอีกจำนวน 1 แผลด้วย
จากการสอบสวน นายมนตธร ชายภักดิ์ อายุ 32 ปี เพื่อนข้างห้องติดกัน ให้การว่า นายกษิดิช ผู้ตาย เป็นพี่เลี้ยงม้าทรงที่ศาลเจ้าเชียงจุ้ยโจชือ โดยได้ย้ายมาอยู่ห้องเช่าหลังดังกล่าวประมาณ 4-5 เดือนแล้ว และที่ผ่านมา ไม่ทราบว่าผู้ตายทำงานอะไร แต่ทราบว่าเป็นคนมีเงิน และมีนิสัยดีเรียบร้อย ไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่มักจะเห็นกลุ่มวัยรุ่นชายซึ่งมีสาวประเภทสองรวมอยู่ด้วย ไม่ต่ำกว่า 5-10 คน แวะเวียนมานอนพักค้างคืนกับผู้ตายเป็นประจำ
โดยก่อนเกิดเหตุ ตนได้ออกไปข้างนอก และเมื่อกลับมาเห็นประตูห้องนายกษิดิช ผู้ตาย เปิดแง้มอยู่ แต่ไฟในบ้านปิด และยังเห็นกระจกบานเกล็ด 1 บาน แตกกระจายเกลื่อนพื้นหน้าบ้าน ก็รู้สึกผิดปกติ เมื่อมองลอดช่องบานเกล็ดเข้าไปดูข้างใน ก็เห็นผู้ตายนอนจมกองเลือดอยู่ จึงผลักประตูเข้าไปดู ก็พบว่าถูกฆ่าตายแล้ว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะเป็นคนรู้จักกับนายกษิดิช ผู้ตาย เป็นอย่างดี และเข้านอกออกในบ้านของผู้ตายเป็นประจำ โดยฉวยโอกาสช่วงที่ผู้ตายเผลอ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงจากทางด้านหลัง ก่อนจะลงมือเชือดคอผู้ตายจนหลอดลมขาดอย่างเลือดเย็น และหลบหนีไป ส่วนปมสังหารโหดมุ่งประเด็นไปที่ฆ่าชิงทรัพย์ เพราะกระเป๋าสตางค์ของผู้ตายได้หายไปด้วย แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นชู้สาวทิ้งไป ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
