กระบี่ - จอมโจรไข่หมูก อดีตโจรเรียกค่าไถ่ชื่อดังของภาคใต้ เยี่ยมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านที่เข้าร่วมชุมนุม พร้อมเตือนชาวบ้านอย่าทำผิดกฎหมาย หรือบุกรุกทำลายป่า พร้อมรับปากช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางช่วยเหลือชาวบ้านไม่มีที่ทำกินอีกทางหนึ่ง
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (1 ส.ค.) นายเจิม เส้งเอียด อายุ 62 ปี อดีตจอมโจรไข่หมูก จอมโจรเรียกค่าไถ่ชื่อดังของภาคใต้ ในฐานะอาสาสมัครปกป้องผืนป่า เทือกเขาบรรทัด ได้เดินทางเข้าพบสมาชิกกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน บ้านคลองหวายเล็ก ม.6 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ที่มีชาวบ้านจากจังหวัดกระบี่ และจังหวัดใกล้เคียง เข้ามาปักหลักปลูกสร้างบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่จำนวนกว่า 2,000 คน เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่ในสวนปาล์มดังกล่าว บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
จากนั้น แกนนำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ได้เรียกประชุมสมาชิก เพื่อหารือแนวทางการเคลื่อนไหว ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับกุมแกนนำ จำนวน 17 คน โดยทางสมาชิกยืนยันว่า จะไม่ยอมออกจากพื้นที่ จากนั้น ทางนายสุมนตรี สุขดำ แกนนำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ได้ยื่นหนังสือผ่านนายเจิม เส้งเอียด เพื่อนำไปมอบให้อธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อให้ช่วยเหลือชาวบ้านที่ไม่มีที่ดินทำกิน ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในสวนปาล์มขาดอายุสัมปทาน
นายเจิม กล่าวว่า การเดินทางมาเยี่ยมเยียนในครั้งนี้ เพราะมีความห่วงใย เนื่องจากต้องการทราบว่า ชาวบ้านที่ได้มารวมตัวกันจำนวนมากเนื่องจากสาเหตุใด ซึ่งหลังจากพูดคุยกับชาวบ้านที่มา ทราบว่า เป็นคนไม่มีที่ดินทำกิน และทราบว่า ที่ดินดังกล่าวนี้เป็นที่ดินที่รัฐให้เอกชนเช่า แต่หมดสัมปทานมานานกว่า 10 ปีแล้ว ชาวบ้านที่มาบอกว่าไม่ต้องการที่จะไปบุกรุกป่าใหม่ที่ต้องตัดทำลายต้นไม้ ตนซึ่งมีหน้าที่พิทักษ์ป่าอยู่แล้ว ก็เห็นด้วยกับชาวบ้านที่เข้ายึดสวนปาล์ม แต่ไม่ต้องการให้ฝ่าฝืนกฏหมาย ต้องการให้ชาวบ้านต่อสู้ต่อไป เพราะรัฐบาลนั้นกำลังหาพื้นที่ให้คนยากจนอยู่แล้ว ซึ่งตนจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไปหารือกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายประสาน มัยยะ แกนนำชาวบ้านกล่าวว่า ขณะนี้ ชาวบ้านยังคงปักหลักอยู่ในพื้นที่ ซึ่งการที่ป่าไม้ได้แจ้งความว่า ชาวบ้านบุกรุกนั้น พื้นที่ดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นป่าแล้ว แต่เป็นสวนปาล์ม และขาดอายุสัมปทานมานานถึง 10 ปี ผู้ที่รุกพื้นที่จริงๆ คือ นายทุนที่เคยเช่าพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งทำให้รัฐบาลขาดรายได้ เพราะไม่มีการเสียภาษี ชาวบ้านที่ยากจนไม่มีที่ดินทำกินจำนวนมาก ได้มาขอจากกรมป่าไม้ ซึ่งยืนยันว่า จะปักหลักต่อไป และต้องการเรียกร้องถึงอธิบดีกรมป่าไม้ให้ลงมาจัดการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ดังกล่าว
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (1 ส.ค.) นายเจิม เส้งเอียด อายุ 62 ปี อดีตจอมโจรไข่หมูก จอมโจรเรียกค่าไถ่ชื่อดังของภาคใต้ ในฐานะอาสาสมัครปกป้องผืนป่า เทือกเขาบรรทัด ได้เดินทางเข้าพบสมาชิกกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน บ้านคลองหวายเล็ก ม.6 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ที่มีชาวบ้านจากจังหวัดกระบี่ และจังหวัดใกล้เคียง เข้ามาปักหลักปลูกสร้างบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่จำนวนกว่า 2,000 คน เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่ในสวนปาล์มดังกล่าว บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
จากนั้น แกนนำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ได้เรียกประชุมสมาชิก เพื่อหารือแนวทางการเคลื่อนไหว ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับกุมแกนนำ จำนวน 17 คน โดยทางสมาชิกยืนยันว่า จะไม่ยอมออกจากพื้นที่ จากนั้น ทางนายสุมนตรี สุขดำ แกนนำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ได้ยื่นหนังสือผ่านนายเจิม เส้งเอียด เพื่อนำไปมอบให้อธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อให้ช่วยเหลือชาวบ้านที่ไม่มีที่ดินทำกิน ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในสวนปาล์มขาดอายุสัมปทาน
นายเจิม กล่าวว่า การเดินทางมาเยี่ยมเยียนในครั้งนี้ เพราะมีความห่วงใย เนื่องจากต้องการทราบว่า ชาวบ้านที่ได้มารวมตัวกันจำนวนมากเนื่องจากสาเหตุใด ซึ่งหลังจากพูดคุยกับชาวบ้านที่มา ทราบว่า เป็นคนไม่มีที่ดินทำกิน และทราบว่า ที่ดินดังกล่าวนี้เป็นที่ดินที่รัฐให้เอกชนเช่า แต่หมดสัมปทานมานานกว่า 10 ปีแล้ว ชาวบ้านที่มาบอกว่าไม่ต้องการที่จะไปบุกรุกป่าใหม่ที่ต้องตัดทำลายต้นไม้ ตนซึ่งมีหน้าที่พิทักษ์ป่าอยู่แล้ว ก็เห็นด้วยกับชาวบ้านที่เข้ายึดสวนปาล์ม แต่ไม่ต้องการให้ฝ่าฝืนกฏหมาย ต้องการให้ชาวบ้านต่อสู้ต่อไป เพราะรัฐบาลนั้นกำลังหาพื้นที่ให้คนยากจนอยู่แล้ว ซึ่งตนจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไปหารือกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายประสาน มัยยะ แกนนำชาวบ้านกล่าวว่า ขณะนี้ ชาวบ้านยังคงปักหลักอยู่ในพื้นที่ ซึ่งการที่ป่าไม้ได้แจ้งความว่า ชาวบ้านบุกรุกนั้น พื้นที่ดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นป่าแล้ว แต่เป็นสวนปาล์ม และขาดอายุสัมปทานมานานถึง 10 ปี ผู้ที่รุกพื้นที่จริงๆ คือ นายทุนที่เคยเช่าพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งทำให้รัฐบาลขาดรายได้ เพราะไม่มีการเสียภาษี ชาวบ้านที่ยากจนไม่มีที่ดินทำกินจำนวนมาก ได้มาขอจากกรมป่าไม้ ซึ่งยืนยันว่า จะปักหลักต่อไป และต้องการเรียกร้องถึงอธิบดีกรมป่าไม้ให้ลงมาจัดการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ดังกล่าว