ปัตตานี - แม่ทัพภาคที่ 4 เข้าเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิง ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ เผยนาทีชีวิต “ต้องสู้อย่างเดียว ตายเป็นตาย เพราะถ้าไม่สู้ก็ตาย” ขณะที่แม่ทัพภาค 4 ยอมรับพื้นที่กว้าง ดูแลไม่ทั่วถึง
วันนี้ (29 ก.ค.) ที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 พร้อมด้วยคณะ เดินทางเข้าเยี่ยม พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ พลทหารอาคม ชูกล่อม อายุ 22 ปี เจ้าหน้าที่สังกัด ร้อย ร.15321 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25 ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามการาดยิง ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยเส้นทาง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย และบาดเจ็บ 2 นาย
ซึ่งล่าสุด อาการของพลทหารดังกล่าวปลอดภัยแล้ว เหลือเพียงอาการบาดเจ็บบริเวณต้นขา เนื่องจากรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำในขณะเข้าปะทะกับคนร้าย ส่วนส.อ.ปรีดา นพคุณ อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เดียวกัน ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี โดยในขณะนี้ แพทย์ยังคงต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
พลทหารอาคม ชูกล่อม เล่านาทีรอดชีวิตจากเหตุปะทะว่า ช่วงที่นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ ตนสังเกตเห็นว่า ทำไมรถกระบะ 2 คันด้านหน้าขับประชิดรถจักรยานยนต์ของเพื่อนทหารที่ขับนำหน้า 2 คัน จึงระวังตัว ปรากฏว่า ก็เกิดเหตุขึ้น ช่วงนั้น ตนจึงหักรถลงข้างทาง และยังไม่รู้ตัวเองว่าถูกยิงหรือไม่ ตนจึงใช้อาวุธปืนยิงสู้คนร้าย และก็เห็นคนร้ายยิงซ้ำใส่เพื่อนทหาร ช่วงนั้นคิดอย่างเดียวคือ “ต้องสู้อย่างเดียว ตายเป็นตาย เพราะถ้าไม่สู้ก็ตาย” และยังเสียใจที่ช่วยชีวิตเพื่อนไม่ได้
ด้าน พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า ทางกองทัพต้องยอมรับว่า ภารกิจในการดูแลมันมีพื้นที่กว้างขวาง และสิ่งที่ต้องรำลึกอยู่เสมอว่า การรักษาความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นภารกิจที่บีบบังคับให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะล่อแหลม แต่ก็ต้องพยายามปรับตัว โดยเฉพาะ กิจวัตรในการออกมารักษาความปลอดภัย บางครั้งกลุ่มคนร้ายก็สามารถที่จะรู้ความเคลื่อนไหว จึงจำเป็นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแผน
และประชาชนก็ไม่เห็นด้วยกับการก่อการร้ายในลักษณะอย่างนี้ เนื่องจากว่าคนร้ายที่ก่อเหตุไม่ได้คำนึงถึงผู้บริสุทธิ์ โดยทางกองทัพพร้อมที่จะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่ ภายใต้กฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง และต่อเนื่องต่อไป
ส่วนการจะนำกฎอัยการศึกเข้ามาใช้หรือไม่นั้น พล.ท.อุดมชัย แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่าปกติแล้วเราใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้อยู่แล้ว แต่มีบางคนพยายามร้องให้เลิกใช้ พ.ร.ก.ที่เป็นปัญหาอยู่ และหากเราเลิกใช้ พ.ร.ก. เราก็จะขาดเครื่องมือที่จะใช้เวลาสืบสวนสอบสวนว่าองค์กรลับนี้เป็นใครอย่างไร เพราะกฎหมาย ป.วิอาญาไม่ได้ให้เวลาในการสืบสวนสอบสวนองค์กรลับ แต่เป็นการแสดงเรื่องพยานหลักฐาน ซึ่งไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ทันท่วงทีกับวิธีการในปัจจุบัน