กระบี่ - ชาวบ้านประสบเหตุดินโคลนต้นบ้านหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานีเตือนภัย เหตุยังไม่สามารถใช้การได้ และปล่อยให้กลายเป็นที่รกร้าง ไม่ได้รับการดูแล
วันนี้ (25 ก.ค.) นายพยอม ชูชีพ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/9 ชาวบ้านต้นหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ นำผู้สื่อข่าวตรวจสอบสถานีเตือนภัยน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ที่ติดตั้งไว้ที่บ้านต้นหาร ม.7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ ใกล้กับบ้านพักผู้ประสบภัยบ้านต้นหาร ที่ถูกน้ำท่วมดินโคลนถล่มเมื่อปีที่ผ่านมา จำนวนกว่า 30 หลังคาเรือน โดยพบว่า สภาพของสถานีเตือนภัยอยู่ในสภาพที่ขาดการดูแล รั้วเหล็กรอบๆ หลอดแก้ว และที่วัดปริมาณน้ำฝนมีหญ้า และเถาวัลย์ขึ้นปากคลุมรกร้าง
นายพยอมกล่าวว่า ขณะนี้ สถานีเตือนภัยน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่ม ที่ทางส่วนอุทกวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ ติดตั้งไว้ให้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้รับการดูแล ช่วงที่ฝนตกหนักก็ไม่มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังเลย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบว่ายังสามารถใช้การได้หรือไม่ เพื่อจะได้เตือนชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเคยประสบเหตุดินโคลนถล่มเมื่อปี 54 เพื่อจะได้เตรียมตัวอพยพไปยังที่ปลอดภัย เพราะที่ผ่านมา ชาวบ้านต้องแจ้งเตือนภัยกันเองทุกครั้ง หรือใช้วิทยุสื่อสารติดต่อกันเอง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการตรวจสอบ และแก้ไขให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ เพื่อชาวบ้านจะได้อุ่นใจ และมั่นใจในการเตือนภัย
นายพะยอม กล่าวอีกว่า สำหรับวิทยุสื่อสารที่ชาวบ้านใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน บางครั้งมีข้อจำกัด สัญญาณไม่ครอบคลุม หากว่าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ก็ไม่สามารถติดต่อสื่อสารเตือนภัยกันได้เลย จึงต้องอาศัยเสียงสัญญาณจากหอเตือนภัยเป็นหลัก แต่ก็ไม่แน่ใจว่ายังใช้การได้อีกหรือไม่ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบให้โดยด่วน เพราะช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวัน และบางวันฝนก็ตกหนัก เกรงว่าอาจะเกิดน้ำท่วมดินถล่มในพื้นที่ได้อีก
วันนี้ (25 ก.ค.) นายพยอม ชูชีพ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/9 ชาวบ้านต้นหาร ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ นำผู้สื่อข่าวตรวจสอบสถานีเตือนภัยน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม ที่ติดตั้งไว้ที่บ้านต้นหาร ม.7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่ ใกล้กับบ้านพักผู้ประสบภัยบ้านต้นหาร ที่ถูกน้ำท่วมดินโคลนถล่มเมื่อปีที่ผ่านมา จำนวนกว่า 30 หลังคาเรือน โดยพบว่า สภาพของสถานีเตือนภัยอยู่ในสภาพที่ขาดการดูแล รั้วเหล็กรอบๆ หลอดแก้ว และที่วัดปริมาณน้ำฝนมีหญ้า และเถาวัลย์ขึ้นปากคลุมรกร้าง
นายพยอมกล่าวว่า ขณะนี้ สถานีเตือนภัยน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่ม ที่ทางส่วนอุทกวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ ติดตั้งไว้ให้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้รับการดูแล ช่วงที่ฝนตกหนักก็ไม่มีเสียงสัญญาณเตือนภัยดังเลย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบว่ายังสามารถใช้การได้หรือไม่ เพื่อจะได้เตือนชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเคยประสบเหตุดินโคลนถล่มเมื่อปี 54 เพื่อจะได้เตรียมตัวอพยพไปยังที่ปลอดภัย เพราะที่ผ่านมา ชาวบ้านต้องแจ้งเตือนภัยกันเองทุกครั้ง หรือใช้วิทยุสื่อสารติดต่อกันเอง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการตรวจสอบ และแก้ไขให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ เพื่อชาวบ้านจะได้อุ่นใจ และมั่นใจในการเตือนภัย
นายพะยอม กล่าวอีกว่า สำหรับวิทยุสื่อสารที่ชาวบ้านใช้ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน บางครั้งมีข้อจำกัด สัญญาณไม่ครอบคลุม หากว่าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ก็ไม่สามารถติดต่อสื่อสารเตือนภัยกันได้เลย จึงต้องอาศัยเสียงสัญญาณจากหอเตือนภัยเป็นหลัก แต่ก็ไม่แน่ใจว่ายังใช้การได้อีกหรือไม่ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบให้โดยด่วน เพราะช่วงนี้ฝนตกเกือบทุกวัน และบางวันฝนก็ตกหนัก เกรงว่าอาจะเกิดน้ำท่วมดินถล่มในพื้นที่ได้อีก
