ตรัง - ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรตรัง เชิญชวนไปเที่ยวชม “ว่านเพชรหึง” กล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งออกดอกบานสะพรั่งเร็วกว่าทุกปีเป็นจำนวนมาก
นายเสนอ รัตนสำเนียง ผู้อำนวยการ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) จังหวัดตรัง กล่าวว่า “ว่านเพชรหึง” หรือที่ชาวปักษ์ใต้รู้จักกันในชื่อ “ว่านหางช้าง” เนื่องจากมีลักษณะลำต้นยาว และมีใบติดอยู่ที่ปลายหลายใบ คล้ายกับหางของช้างที่ชี้ปลายหางขึ้นนั้น อยู่ในสกุล “แกรมมาโทฟิลลัม” (Grammatophyllum) และถือเป็นกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งทางศูนย์ฯ ได้ริเริ่มศึกษา และขยายพันธุ์กล้วยไม้พันธุ์นี้ เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชนและประชาชน นับตั้งแต่เมื่อปี 2545 หรือ 10 ปีที่แล้ว
นอกจากนั้น ยังได้มีการปลูก “ว่านเพชรหึง” กระจายเรียงรายสองข้างทางภายในศูนย์ฯ กระทั่งปัจจุบัน แต่ละต้นมีอายุตั้งแต่ 5-10 ปีแล้ว เป็นจำนวนถึง 1,000 ต้น จนถือเป็นแหล่งรวบรวมกล้วยไม้พันธุ์นี้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และทุกๆ ปีในช่วงประมาณเดือนสิงหาคม-ตุลาคม กล้วยไม้ก็จะพร้อมใจออกดอกบานสะพรั่งไปทั่ว แต่ในปีนี้ เนื่องจากฝนที่ตกชุกและสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนไป จึงทำให้กล้วยไม้พันธุ์นี้ออกดอกมาเร็วกว่าปกติ 1 เดือน แถมยังออกดอกแทบทุกต้น จนสวยงามไปทั้งภายในศูนย์ฯ ด้วย
ทั้งนี้ “ว่านเพชรหึง” เป็นกล้วยไม้ประเภทแตกกอ ใช้รากในการหายใจ มีต้นสูงราว 1-2 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางต้น 3-5 เซนติเมตร ส่วนดอกก็จะมีทั้งชนิดช่อตั้ง และช่อห้อย โดยกลีบดอกนั้นจะหนา มีพื้นกลีบสีเหลือง หรือเหลืองอมเขียว และยังมีแต้มสีน้ำตาลหรือม่วงคล้ายกับลวดลายของเสือ ซึ่งหากเป็นช่อดอกที่สมบูรณ์จะมีความยาวมากถึง 1 เมตร มีต้นละ 15-20 ช่อดอกๆ ละ 70-250 ดอก โดยดอกจะทยอยบานตั้งแต่ล่างสุดไปจนถึงบนสุด เป็นระยะเวลา 3 เดือน หลังจากนั้น ต้องรอชมความงามอีกครั้งในปีถัดไป
ขณะนี้ ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยงจังหวัดตรังได้จัดให้ “ว่านเพชรหึง” อยู่ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ประเภทกล้วยไม้ป่า รวม 73 ชนิด และล่าสุด ได้ขยายต้นกล้าโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 2 หมื่นต้น เพื่อหวังจะให้ประชาชนนำไปปลูกเพื่อตัดดอกขายเชิงการค้า รวมทั้งปลูกในสถานที่ต่างๆ เพื่อการท่องเที่ยว เนื่องจากเวลาออกดอกพร้อมๆ กันแล้วจะสวยงามมาก ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถมาชม หรือถ่ายภาพได้ภายในศูนย์ฯ ซึ่งกำลังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ โดยใช้ชื่อว่า “ฤดูกาลว่านเพชรหึงบาน”
